คู่มือการเป็นนักเรียนที่ดี

จาก วิกิตำรา

คู่มือการเป็นนักเรียนที่ดี เป็นคู่มือสู่การเป็นนักเรียนที่ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกินความสามารถ หากคุณพยายามอย่างหนักพอ คุณก็จะประสบความสำเร็จได้

บทนำ[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเรียนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในระดับประถมศึกษา หรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับปริญญาบัณฑิต ที่จะตระหนักถึงพื้นฐานของการเป็นนักเรียนที่ดี ทักษะเหล่านี้ หากทำได้ดีในโรงเรียน ย่อมสามารถนำไปใช้สู่ด้านอื่นๆในหลายส่วนของชีวิตได้เช่นกัน

คู่มือนี้มีวัตถุประสงค์สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแนวทางบางประการเกี่ยวกับการพัฒนาความสามารถของตน ในฐานะที่นักเรียนเป็นบุคคลหนึ่ง หากปฏิบัติตามแนวคิดเหล่านี้ในด้านวิชาการ ก็จะช่วยให้นักเรียนสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้ในห้องเรียน

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านทุกท่านจะได้เรียนรู้ถึงบางสิ่งที่จะนำไปสู่การเป็นนักเรียนที่ดีและจะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

บทที่ 1 - สร้างแรงจูงใจ[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

เพื่อเป็นนักเรียนที่ดี คุณต้องมีแรงจูงใจ การสร้างแรงจูงใจอาจทำได้โดยการมองสภาพของเด็กหลายคนที่ไม่มีโอกาส ที่พวกเขาไม่โชคดีพอที่ได้รับการศึกษา นี่เป็นสิ่งที่สามารถระลึกขึ้นได้ในช่วงที่คุณไม่ต้องการเข้าชั้นเรียนหรือทำการศึกษาที่บ้าน สาเหตุในการสร้างแรงจูงใจในการศึกษาคือ การที่คุณจะมีความสุขในการยกคุณภาพชีวิตในฐานะเป็นคนที่มีการศึกษา คุณสามารถไปที่เว็บการศึกษาเช่นนี้ และเข้ากลุ่มกับผู้ที่มีความสนใจ โดยไม่จำเป็นต้องบังคับตนเอง เช่นนี้จะช่วยลดความน่าเบื่อ และจะรู้สึกได้ว่าไม่เหมือนกับการเปิดหนังสือของคุณ คุณจะได้รับความรู้ด้านวิชาการเป็นจำนวนมากในหลักสูตร ลองเป็นเพื่อนกับพวกเขา หรือส่งเสริมเพื่อนในปัจจุบันของคุณให้เป็นนักเรียนที่ดีขึ้น และคุณจะได้สัมผัสถึงสภาพแวดล้อมทางวิชาการ ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกมีแรงบันดาลใจ

เหนือสิ่งอื่นใด คุณต้องมั่นใจสำหรับการที่จำเป็นต้องรู้สึกว่าเราทำเพื่อตนเองมิใช่เพื่อใครอื่น ขอให้โชคดี

บทที่ 2 - ตั้งใจศึกษา[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

ความเอาใจใส่ต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณมีพื้นฐานด้านความตั้งใจแน่วแน่ และยังให้คำแนะนำอันเป็นการกระตุ้นด้วยการเอาใจใส่

คุณต้องเอาใจใส่ในชั้นเรียน ไม่พูดคุยเล่นกับเพื่อนเมื่อครูผู้สอนหันหลังให้กับคุณ อาจดียิ่งขึ้น หากไม่ไปข้องเกี่ยวกับคนที่ทำให้เสียสมาธิ คุณควรตระหนักว่าผู้คนในชั้นเรียนของคุณล้วนมีผลสำคัญต่อระดับความก้าวหน้าของทุกคน อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นนักเรียนที่ดีขึ้น คุณก็จะทำได้ดีกว่าและประสบความสำเร็จในเป้าหมายของคุณ เพื่อนของคุณจะมีเวลาให้กับคุณในช่วงนั้น หากพวกเขายังคงเชื่อใจ ส่วนที่บ้าน การศึกษาเล่าเรียนและทำการบ้านควรเลือกบริเวณที่ไม่ทำให้คุณนอนหลับ แนะนำให้มีตารางเรียนอยู่ที่โต๊ะ ไม่ทบทวนบทเรียนบนเตียงหรือหน้าจอโทรทัศน์, วิทยุ, สเตอริโอ หรืออื่นๆ เพราะจะไม่มีเป้าหมายสู่การศึกษาของคุณ

ถ้าคุณรู้สึกมีความฟุ้งซ่าน ให้ใช้เวลาพัก 15 นาทีหรือน้อยกว่า อาจจะลองอ่านหนังสือที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ควรมุ่งเน้นกับหนังสืออื่นในระยะเวลาที่มากกว่า ทำเครื่องกั้นหน้ากระดาษและคุณจะสามารถอ่านได้ในภายหลัง นอกจากนี้คุณควรจะมีตารางเวลา/ตารางกิจวัตรประจำนำทางให้กับคุณ และคุณต้องทำตามรายการ มันอาจจะยากที่จะเริ่มต้น แต่การเริ่มต้นที่ยากมักจบลงด้วยดี

หลีกเลี่ยงการทุจริตในห้องสอบ นี่จะส่งผลให้ผู้สอนของคุณยกย่อง ได้ศูนย์คะแนนดีกว่าการได้หนึ่งร้อยคะแนนจากการลอกข้อสอบ หลีกเลี่ยงการโกงข้อสอบ จงซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่นเกี่ยวกับสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ หากคุณไม่ทราบคำตอบให้ข้ามไปก่อน แล้วใช้มันเป็นช่องทางที่จะเพิ่มพูนความรู้ในวิชาของคุณ โปรดจำไว้ว่าการศึกษาที่ดีในตอนนี้ จะส่งผลให้คุณได้รับโอกาสและได้รับความสนุกหลังจากบรรลุเป้าหมายของคุณ

บทที่ 3 - ความประพฤติ (ความประพฤติอย่างเต็มกำลัง) พัฒนา 50% ตั้งแต่ 21 มกราคม ค.ศ. 2006[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่เป็นส่วนตัดสินถึงอนาคตของบุคคลหรือเด็กคือพฤติกรรมของพวกเขา การเรียนรู้จากตำราและได้คะแนนเต็มร้อยอาจยังไม่พอ ทำให้ผู้คนควรคิดว่าคุณเท่านั้นที่มีกิริยาดีงาม เชื่อฟังผู้ปกครอง ไม่เป็นอันธพาลต่อเพื่อนร่วมชั้นของคุณที่โรงเรียน โปรดจำไว้ว่า ให้ลองจินตนาการตัวเองว่าอยู่ในสถานการณ์ของคนอื่น และคุณจะรู้ได้ว่าคุณได้ทำร้ายพวกเขามากน้อยเพียงใดจากการกระทำของคุณ กล่าวสวัสดีกับครูที่โรงเรียนเมื่อคุณพบพวกเขา ผู้คนจะได้ชื่นชมความเป็นมิตรของคุณและมอบความเป็นมิตรกลับคืนมา มีมารยาทที่ดีในชั้นเรียน รู้จักยกมือตอบคำถาม ไม่ขัดจังหวะขณะที่ใครกำลังสนทนา และหากคุณไม่มีสิ่งดีที่จะพูดคุย ก็จงอย่าคุย

จากข้างต้นทั้งหมด พยายามช่วยเหลือเพื่อนของคุณในทุกสถานการณ์ และคุณจะเป็นที่จดจำในฐานะเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโรงเรียน ไม่เพียงแต่เพื่อชื่อเสียงที่ดี หากแต่เป็นเพื่ออนาคตที่ดีสำหรับคุณเอง คุณควรรู้ด้วยว่าคำพูดจากปากยังเพียงพอที่จะทำลายความสัมพันธ์หรือทำให้แย่ลง ดังนั้นอย่าทำให้เน่าเหม็น, ทำให้หมดกำลังใจ หรือใช้คำพูดดูถูก หากใครบางคนมีพฤติกรรมหยาบคาย อย่าสนับสนุนพวกเขาด้วยการหัวเราะ เพราะว่าจะทำให้พวกเขายังคงมีพฤติกรรมที่ไม่ดีอยู่อีก

อย่าใช้สิ่งนี้เป็นการปราศัย หากแต่ใช้เป็นแนวทาง! พฤติกรรมควรมาเป็นอันดับแรกแล้วตามมาด้วยการเป็นนักวิชาการ แม้ว่าคุณจะทำได้ไม่ดีที่โรงเรียน แต่คุณก็จะมีชื่อเสียงในทางที่ดีในด้านพฤติกรรมของคุณ และเพื่อนที่ดีของคุณก็มีค่ามากกว่าทอง

พฤติกรรมของคุณควรเป็นในลักษณะของการสร้างความประทับใจต่อผู้อื่น

บทที่ 4 - การบริหารจัดการ[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

นี่เป็นหนึ่งในหลายๆ คำถามที่เด็กถามครูของพวกเขา "คุณครู หนูไม่สามารถเรียนได้!" กรุณาไตร่ตรองในสิ่งต่อไปนี้: คุณทุ่มเทต่อการเรียนหรือไม่? หรือคุณเพียงเรียนเพื่อเอาใจพ่อแม่ของคุณ? หรือคุณโกงข้อสอบเพื่อให้ได้คะแนนที่ดี? ก็ขอให้ดูในรายการต่อไป

ก่อนอื่น รายการดังข้างกล่าวต้น อาจเป็นการเรียนตามตารางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โปรดอย่าทำการศึกษาหรืออ่านในที่แสงสลัว หากคุณเริ่มเบื่อต่อการเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ให้ศึกษาสิ่งอื่นที่คุณสนใจเป็นอย่างมากแทน คุณต้องค้นหาทางเลือกที่คุณต้องการอยู่เสมอ!

เราทุกคนรู้ว่า "การทำแต่งาน โดยที่ไม่มีการเล่นเลย ก็ทำให้โง่ได้" ใช่ การศึกษาตลอดทั้งคืนและไม่ได้เล่นโดยมุ่งแต่งานจะทำให้คุณลืมทุกอย่างในเช้าวันรุ่งขึ้น ออกไปเล่นข้างนอก 2 สักชั่วโมงหรือตามแต่ มันจะเป็นที่พึงพอใจเมื่อคุณออกไปเล่นในช่วงเย็น พูดคุยตอน 5 โมงเย็น การกระทำนี้จะช่วยให้คุณมีความแข็งแรงเป็นพิเศษสำหรับทุกสิ่งที่คุณทำ

ให้ทำตารางเวลา และนั่นคือทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง จัดตารางเวลาโดยให้วิชาที่ยากสำหรับคุณอยู่ในคอลัมน์แรก กำหนดเวลาพักในทุกช่วงหลัง 2 วิชาเพื่อไม่ให้คุณเกิดความตึงเครียด

ศึกษาแต่ละวิชาประมาณหนึ่งชั่วโมง แบ่งช่วงหยุดย่อยประมาณ 10-15 นาทีระหว่างนั้น ซึ่งคุณจะได้มีการฟื้นพลัง ใช้เวลากับสิ่งที่นำมาซึ่งความคิดของคุณในสิ่งพยายามที่จะทำ และมีอาหารว่างเสริม

ลองมีการนอนหลับที่ดี มนุษย์มีการนอนหลับ 8 - 10 ชั่วโมงในแต่ละวัน (มันลดลงไปตามอายุ) หากคุณไม่ได้นอนหลับอย่างเพียงพอ มันจะส่งผลให้เกิดการเกียจคร้าน เกิดความบกพร่องในการจำ และจิตใจของคุณจะเต็มไปด้วยความกระหายสำหรับส่วนที่ขาดหายไป

บทที่ 5 - ช่วยเหลือผู้อื่นและให้คำปรึกษา[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

นอกเหนือจากการปรับปรุงตัวเอง ลองกระจายทักษะของคุณให้แก่ผู้อื่น นี่เป็นส่วนให้คุณมีทุกสิ่งที่จำเป็นในการใช้ร่วมกับการแบ่งปันทักษะของคุณ การร่วมทำงานจะเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อประโยชน์แก่ทุกคน มันเป็นสิ่งตรงข้ามของการแข่งขันที่ทุกคนต้องการชนะสำหรับตัวเอง การเรียนรู้ได้มากที่สุดคือการช่วยเหลือผู้อื่น ดังนั้นการเรียนรู้เพื่อร่วมมือย่อมเป็นทักษะที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน คู่คิดทางการศึกษาเป็นเครื่องมือที่น่าอัศจรรย์ พวกเขาช่วยประหยัดเวลาและเสริมสร้างต่อสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ แบ่งการอ่านออกเป็นครึ่งหนึ่ง ศึกษาในส่วนของคุณและใช้กลยุทธจดบันทึกที่คุณมีทั้งหมด (เช่น แผนภาพของเวนน์, สรุป, บัตรบันทึก, เน้นสี) เมื่อพวกคุณมีความเข้าใจจากการอ่าน ลองผลัดกันสอน/อธิบายแก่คนอื่น เมื่อคุณปรับการอธิบายแก่คู่หูของคุณ คุณจะสามารถเสริมสร้างแนวคิดสำหรับตัวคุณเอง มันได้ผลเพราะเมื่อคุณคิดเกี่ยวกับวิธีการที่จะอธิบายหัวข้อ คุณต้องเข้าใจมันเสียก่อน! คุณครูต่างชอบบรรดานักเรียนที่มีความรู้พิเศษอยู่บ้าง เพื่อให้ได้ความรู้เหล่านี้ให้เข้าห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือพิเศษ หากคุณกำลังสับสนหนังสือที่คุณอ่านอยู่ให้ถามคุณครูของคุณ มันช่วยได้จริงๆ

ข้อสรุป[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

คุณจะต้องประสบความสำเร็จในทุกชั้นเรียน และไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพูดคุยกับเพื่อน รวมทั้งให้ความสำคัญต่อกฎระเบียบของโรงเรียน คุณสามารถประสบความสำเร็จที่โดยการตั้งเป้าหมายสำหรับตัวเอง และปฏิบัติงานในเรื่องดังกล่าว ไม่มีใครสมบูรณ์แบบในทุกเรื่อง คุณมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่คุณต้องยอมรับ ตราบใดที่คุณพยายามอย่างหนักทุกวัน คุณจะประสบความสำเร็จ บางครั้งความสำเร็จก็คือการเข้านอนเวลากลางคืนเมื่อรู้ว่าคุณไม่สามารถทำได้ดีที่สุดอีกแล้ว นั่นคือทั้งหมดที่ใครๆก็สามารถสอบถามคุณได้

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

การมีพันธมิตรทางการศึกษาถือเป็นสิ่งดี เพราะทุกคนมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่ต่างกัน ดังนั้น หากคุณมีความชำนาญทางคณิตศาสตร์แต่มีความอ่อนทางภาษาอังกฤษคุณก็สามารถค้นหาเพื่อนที่มีคุณสมบัติในทางตรงกันข้ามได้ ขอให้จำไว้ว่าควรถามเขา และการถามของครูผู้สอนจะไม่ทำให้คุณรู้สึกเขลา ซึ่งหมายถึงว่าคุณกล้าที่จะรู้ถึงสิ่งที่ถูกต้อง