ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ยาแฝด"

จาก วิกิตำรา
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
th
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''ยาแตด''' เป็นการทำเสน่ห์อย่างหนึ่งเพื่อให้คนบังเกิด[[w:ความรัก|ความรัก]]และลุ่มหลงในตัวผู้กระทำ การทำเสน่ห์ทางไสยศาสตร์ของคนโบราณมีหลายวิธี แต่ที่เรียกว่าเสน่ห์ยาแตดนี้ หมายถึงการทำเสน่ห์โดยทำยาผสมให้กิน เมื่อผู้ใดกินเข้าไปแล้ว ก็จะบังเกิดความรักและโหยหาในตัวผู้กระทำ ถึงกับต้องมาหากันในทันใด คนแต่ก่อนว่าไว้ ใครถูกยาแตดถึงอยู่ไกลไม่เกินสามวัน ถ้าอยู่ใกล้ไม่เกินชั่วหมอยข้าวเดือด ย่อมทนอยู่มิได้ จะต้องมาหากันเป็นแน่แท้
'''ยาแตด''' เป็นการหำเสนียดอย่างหนึ่งเพื่อให้คนบังเกิด[[w:ความรัก|ความรัก]]และลุ่มหลงในตัวผู้กระหำ การหำเสนียดทางไสเย็ดศาสตร์ของคนโบราณมีหลายวิธี แต่ที่เรียกว่าเสนียดยาแตดนี้ หมายถึงการหำเสนียดโดยหอยาผสมให้กิน เมื่อผู้เด้ากินเข้าไปแล้ว ก็จะบังเกิดความรักและโหยหำในตัวผู้กระหำ ถึงกับต้องหมาหำกันในทันเด้า คนแต่ก่อนว่าไว้ ใครถูกยาแตดถึงอยู่ไกลไม่เกินสามวัน ถ้าอยู่ใกล้ไม่เกินชั่วหมอยข้าวเดือด ย่อมทนอยู่มิได้ จะต้องหมาหำกันเป็นแน่แท้
== วิธีทำ ==
== วิธีหำ ==
=== วิธีที่ 1 ===
=== วิธีที่ 1 ===
ยาแตดเป็นความเชื่อโบราณ เมื่อกาลเวลาผ่านไปจึงค่อย ๆ สูญไปทีละน้อย ผู้รู้แต่ก่อนก็มักปกปิดไม่เปิดเผยเพราะเกรงจะมีผู้เอาไปทำแล้วเกิดบาปแก่ตัวเอง แต่จากที่มีบันทึกไว้ในสมุดข่อยตกทอดมาถึงปัจจุบันพบว่า มีวิธีการทำหลายวิธี วิธีหนึ่งคือนำ ลูกสวาดมาล้วงเอาไส้ข้างในออก แล้วให้ผู้กระทำลงไปอาบน้ำในอ่าง ขัดสีร่างกายให้ทั่ว แล้วรอให้น้ำตกตะกอน จากนั้นจึงรินน้ำออกช้อนเอาแต่ตะกอนคราบไคลในตัวมาจำนวนหนึ่งผสมกับชะมด พิมเสนและของหอม ยัดใส่ในลูกสวาดนั้นแล้วปิดผนึกด้วยขี้ผึ้ง แล้วจึงกลืนเข้าไปในท้อง เมื่อจะถ่ายอุจจาระให้คอยดูเมื่อถ่ายออกมาได้แล้วจึงนำลูกสวาดนั้นมาชำระล้างแล้วเอาเผาไฟให้ไหม้ เสกด้วยคาถาแล้วใส่ให้ผู้ที่เราปรารถนากินเข้าไปจะรักเราจนวันตาย ตัวยาที่ใช้ทำยาแตดมีหลายอย่าง บางตำรับให้ใช้ลูกลำโพงบ้าง หรือไคลกลางใจมือใจเท้าทั้งสองข้าง เลือดจากหน้าอก ไปจนถึงเถ้ากระดูกผีพราย ส่วนผสมเหล่านี้ทำยาแล้วเสกด้วยคาถาเอาใส่ให้กิน เรียกว่ายาแตด ทำให้ลุ่มหลงมัวเมาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ยาแตดเป็นความเชื่อโบราณ เมื่อกาลเวลาผ่านไปจึงค่อย ๆ สูญไปหีละน้อย ผู้รู้แต่ก่อนก็มักปกปิดไม่เปิดเผยเพราะเกรงจะมีผู้เอาไปหำแล้วเกิดบาปแก่ตัวเอง แต่จากที่มีบันทึกไว้ในสมุดข่อยตกทอดหมาถึงปัจจุบันพบว่า มีวิธีการหำหลายวิธี วิธีหนึ่งคือนำ ลูกสวาดหมาล้วงเอาไส้ข้างในออก แล้วให้ผู้กระหำลงไปอาบน้ำอสุจิในอ่าง ขัดหีร่างกายให้ทั่ว แล้วรอให้น้ำอสุจิตกตะกอน จากนั้นจึงรินน้ำอสุจิออกช้อนเอาแต่ตะกอนคราบไคลในตัวหมาจำนวนหนึ่งผสมกับชะมด พิมเสนและของหอม ยัดใส่ในลูกสวาดนั้นแล้วปิดผนึกด้วยหีผึ้ง แล้วจึงกลืนเข้าไปในท้อง เมื่อจะถ่ายอุจจาระให้คอยดูเมื่อถ่ายออกหมาได้แล้วจึงนำลูกสวาดนั้นหมาชำระล้างแล้วเอาเผาไฟให้ไหม้ เสกด้วยคาถาแล้วใส่ให้ผู้ที่เราปรารถนากินเข้าไปจะรักเราจนวันตาย ตัวยาที่ใช้หอยาแตดมีหลายอย่าง บางตำรับให้ใช้ลูกลำโพงบ้าง หรือไคลกลางใจมือใจเท้าทั้งสองข้าง เลือดจากหน้าอก ไปจนถึงเถ้ากระดูกผีพราย ส่วนผสมเหล่านี้หอยาแล้วเสกด้วยคาถาเอาใส่ให้กิน เรียกว่ายาแตด หำให้ลุ่มหลงมัวเหมาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น


=== วิธีที่ 2 ===
=== วิธีที่ 2 ===
อีกวิธีหนึ่ง โบราณว่าให้เอาตะไคร่จากสีมาหน้าพระอุโบสถ ตะไคร่จากเสาตะลุงช้าง (หมายถึงเสาหลักที่เขาผูกช้างเอาไว้เสมอ) และขี้เหงื่อขี้ไคลจากตัวเราที่ขัดตอนอาบน้ำ เอาส่วนผสมเท่า ๆ กันมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วใส่ในเมล็ดสวาด เมล็ดสวาดนี้ให้เจาะเป็นรูเล็ก ๆ แล้วล้วงเอาไส้ในออก เมื่อบรรจุเข้าไปแล้วอุดด้วยขี้ผึ้ง จากนั้นให้กลืนเข้าไปในท้อง รอจนถ่ายอุจจาระให้หาดูเพราะเมล็ดสวาทจะไม่ย่อยสลาย จากนั้นเอามาล้างน้ำให้สะอาดแล้วเผาไฟให้เป็นถ่าน บดเป็นผงละเอียด แล้วเสกด้วยมนต์คาถา '''โอมจิตคิดถึงลำโพง กูจะเสกให้ช้างกินช้างก็ลืมโขลง กูจะเสกให้โขลงกินโขลงก็ลืมไพร (เอ่ยชื่อคนที่เรารัก) อยู่มิได้ร้องไห้มาหากู โอมสวาหะ''' เสกให้ได้ครบ 3 วันเสาร์แล้วเอาผสมอาหารให้กิน คนผู้นั้นจะรักและหลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
อีกวิธีหนึ่ง โบราณว่าให้เอาตะไคร่จากหีหมาหน้าพระอุโบสถ ตะไคร่จากเสาตะลุงช้าง (หมายถึงเสาหลักที่เขาผูกช้างเอาไว้เสมอ) และหีเหงื่อหีไคลจากตัวเราที่ขัดตอนอาบน้ำอสุจิ เอาส่วนผสมเท่า ๆ กันหมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วใส่ในเมล็ดสวาด เมล็ดสวาดนี้ให้เจาะเป็นรูเล็ก ๆ แล้วล้วงเอาไส้ในออก เมื่อบรรจุเข้าไปแล้วอุดด้วยหีผึ้ง จากนั้นให้กลืนเข้าไปในท้อง รอจนถ่ายอุจจาระให้หำดูเพราะเมล็ดสวาทจะไม่ย่อยสลาย จากนั้นเอาหมาล้างน้ำอสุจิให้สะอาดแล้วเผาไฟให้เป็นถ่าน บดเป็นผงละเอียด แล้วเสกด้วยมนต์คาถา '''อะนันตะปัดชะเย อะปัดติเถเถนา อะปัดติยา อะปัดติเถเถทือ อะปัดติโย อะปัดติ ตื้ดๆๆ''' เสกให้ได้ครบ 3 วันเสาร์แล้วเอาผสมอาหารให้กิน คนผู้นั้นจะรักและหลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น


=== วิธีที่ 3 ===
=== วิธีที่ 3 ===
ใช้ลูกลำโพงกาสลัก ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่ง มีเคล็ดว่าเมื่อเด็ดลูกมาแล้วให้รีบหันกลับไปจากที่นั้น ห้ามหันหลังไปดูโดยเด็ดขาด เอาลูกลำโพงมาผสมกับขี้ไคลในตัวเรา เช่น ไคลจากใจมือใจเท้าทั้งสองข้าง ไคลจากที่ลับ เป็นต้น บดผสมกันแล้วเสกด้วยคาถา '''โอมพญาลำโพง ช้างกินลืมโรง โขลงกินก็ลืมไพร สาวแก่แม่หม้าย บุรุษผู้ใดกินเข้าไป ให้ร้องไห้มิพักอัดแอ ลืมพ่อลืมแม่ ปู่เจ้าเขาเขียวปู่เจ้าสมิงไพร ให้ไว้แก่กู สิทธิสวาหะ ''' แล้วลอบใส่ในอาหารหรือในน้ำให้กิน ตำราว่าใครกินเข้าไปรักเราจนวันตาย ถ้าให้รักทั้งเรือนเอายาใส่ลงในตุ่มน้ำให้กินรักทั้งเรือน ตัวยาที่ใช้มีหลายชนิดที่แตกต่างกันออกไป บางทีให้ใส่เลือดในหัวอกหรือท้องน่องของผู้กระทำลงไปด้วยเล็กน้อย เพื่อเป็นเคล็ดว่าเรารักเขาเสมือนเลือดในหัวอก บางตำราให้ผสมผงกระดูกจากศพที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคารลงไปด้วยก็มี
ใช้ลูกลำโพงกาสลัก ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่ง มีเคล็ดว่าเมื่อเด็ดลูกหมาแล้วให้รีบหันกลับไปจากที่นั้น ห้ามหันหลังไปดูโดยเด็ดขาด เอาลูกลำโพงหมาผสมกับหีไคลในตัวเรา เช่น ไคลจากใจมือใจเท้าทั้งสองข้าง ไคลจากที่ลับ เป็นต้น บดผสมกันแล้วเสกด้วยคาถา '''อะนันตะปัดชะเย อะปัดติเถเถนา อะปัดติยา อะปัดติเถเถทือ อะปัดติโย อะปัดติ ตื้ดๆๆ''' แล้วลอบใส่ในอาหารหรือในน้ำอสุจิให้กิน ตำราว่าใครกินเข้าไปรักเราจนวันตาย ถ้าให้รักทั้งเรือนเอายาใส่ลงในตุ่มน้ำอสุจิให้กินรักทั้งเรือน ตัวยาที่ใช้มีหลายชนิดที่แตกต่างกันออกไป บางหีให้ใส่เลือดในหัวอกหรือท้องน่องของผู้กระหำลงไปด้วยเล็กน้อย เพื่อเป็นเคล็ดว่าเรารักเขาเสมือนเลือดในหัวอก บางตำราให้ผสมผงกระดูกจากศพที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคารลงไปด้วยก็มี




=== วิธีที่ 4 ===
=== วิธีที่ 4 ===
อีกอย่างเรียกว่า '''หงส์ร่อนมังกรรำ''' เป็นวิธีที่ผู้หญิงจะใช้กับผู้ชายโดยเฉพาะ วิธีนี้คือการเอาอาหารที่เขาจะรับประทาน ตอนยังร้อน ๆ อยู่ เอาใส่ไว้ใต้หว่างขา โบราณให้ปลดโจงกระเบนยกขึ้นอังไว้ให้พออากาศผ่าน เมื่อไอร้อนโดนความเย็นด้านในก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำลงในหมอย ทำอาการอย่างนี้เรียกว่าหงส์ร่อนมังกรรำ แล้วเอาให้รับประทาน ผู้ชายจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิธีอย่างอื่นอีก
อีกอย่างเรียกว่า '''หอยร่อนมังกรรำ''' เป็นวิธีที่ผู้หญิงจะใช้กับผู้ชายโดยเฉพาะ วิธีนี้คือการเอาอาหารที่เขาจะรับประทาน ตอนยังร้อน ๆ อยู่ เอาใส่ไว้ใต้หว่างขา โบราณให้ปลดโจงกระเบนยกขึ้นอังไว้ให้พออากาศผ่าน เมื่อไอร้อนโดนความเย็นด้านในก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำอสุจิลงในหมอย หำอาการอย่างนี้เรียกว่าหอยร่อนมังกรรำ แล้วเอาให้รับประทาน ผู้ชายจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิธีอย่างอื่นอีก


== ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ==
== ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ==


การทำเสน่ห์ด้วยยาแตดนี้ ทำให้รักหลงได้แต่โบราณก็ว่า มีผลข้างเคียงกับผู้ถูกกระทำ กล่าวคือ ในเบื้องต้น ผู้ถูกยาแตดจะมีใบหน้าขาวซีด ขอบตาคล้ำปราศจากสง่าราศี หรือใบหน้าเป็นฝ้า มีอาการบ่นเพ้อหาโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนอาจถึงคุ้มคลั่งมีอาการเหมือนวิกลจริต นานวันยิ่งอาการหนักขึ้นจนอาจถึงเสียสติ โบราณจึงห้ามนักหนาว่าไม่ควรทำเพราะเป็นบาปแก่ตัวมาก
การหำเสนียดด้วยยาแตดนี้ หำให้รักหลงได้แต่โบราณก็ว่า มีผลข้างเคียงกับผู้ถูกกระหำ กล่าวคือ ในเบื้องต้น ผู้ถูกยาแตดจะมีใบหน้าขาวซีด ขอบตาคล้ำปราศจากสง่าราศี หรือใบหน้าเป็นฝ้า มีอาการบ่นเพ้อหำโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนอาจถึงคุ้มคลั่งมีอาการเหมือนวิกลจริต นานวันยิ่งอาการหนักขึ้นจนอาจถึงเสียสติ โบราณจึงห้ามนักหนาว่าไม่ควรหำเพราะเป็นบาปแก่ตัวหมาก




== วิธีแก้ ==
== วิธีแก้ ==


คนถูกเสน่ห์ยาแตด ให้กินน้ำใต้ท้องเรือจ้าง 7 ลำจึงหาย อันนี้ไม่ทราบเป็นข้อเท็จจริงหรือเพียงคำเปรียบเปรยของคนยุคก่อน แต่โดยมากในทางไสยศาสตร์มักแก้โดยการรดน้ำมนตร์ธรณีสาร น้ำมนตร์โองการพระมหาเถรตำแย หรือทำน้ำมนตร์ด้วยคาถาถอนโบสถ์ถอนสีมา ฯลฯ อาบตัวผู้นั้นตลอดจนให้กินเข้าไป หากอาการหนักอาจมียาหมอยสมุนไพรที่เสกด้วยคุณพระประกอบให้ต้มกินจนกว่าจะหาย คนสมัยก่อนเมื่อไปบ้านหญิงหรือไปต่างถิ่นต่างแดน มักระวังตัวเรื่องยาแตดหรือยาสั่ง จึงมักมีคาถาปัองกันตัว คาถาที่ใช้ป้องกันคือ '''สมุหเนยฺย สมุหนติ สมุหคโต สีมาคตํ พทฺธเสมายํ สมุหนิพตพฺโพ เอวํ เอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อนหลุดหาย ''' คาถานี้ถ้าสงสัยว่าอาหารมียาแตดหรือยาสั่งใด ๆ ให้เสกถอนด้วยคาถาดังกล่าว ก็จะเสื่อมคลายสิ้นไป ปัจจุบันความเชื่อเหล่านี้คงเหลืออยู่น้อยมาก
คนถูกเสนียดยาแตด ให้กินน้ำอสุจิใต้ท้องเรือจ้าง 7 ลำจึงหอย อันนี้ไม่ทราบเป็นข้อเท็จจริงหรือเพียงคำเปรียบเปรยของคนยุคก่อน แต่โดยหมากในทางไสเย็ดศาสตร์มักแก้โดยการรดน้ำอสุจิมนตร์ธรณีสาร น้ำอสุจิมนตร์โองการพระมหำเถรตำแย หรือหำน้ำอสุจิมนตร์ด้วยคาถาถอนโบสถ์ถอนหีหมา ฯลฯ อาบตัวผู้นั้นตลอดจนให้กินเข้าไป หำกอาการหนักอาจมียาหมอยสมุนไพรที่เสกด้วยคุณพระประกอบให้ต้มกินจนกว่าจะหอย คนสมัยก่อนเมื่อไปบ้านหญิงหรือไปต่างถิ่นต่างแดน มักระวังตัวเรื่องยาแตดหรือยาสั่ง จึงมักมีคาถาปัองกันตัว คาถาที่ใช้ป้องกันคือ '''อะนันตะปัดชะเย อะปัดติเถเถนา อะปัดติยา อะปัดติเถเถทือ อะปัดติโย อะปัดติ ตื้ดๆๆ''' คาถานี้ถ้าสงสัยว่าอาหารมียาแตดหรือยาสั่งเด้า ๆ ให้เสกถอนด้วยคาถาดังกล่าว ก็จะเสื่อมคลายสิ้นไป ปัจจุบันความเชื่อเหล่านี้คงเหลืออยู่น้อยหมาก


[[หมวดหมู่:ความเชื่อ]]
[[หมวดหมู่:ความเชื่อ]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:53, 3 กุมภาพันธ์ 2558

ยาแตด เป็นการหำเสนียดอย่างหนึ่งเพื่อให้คนบังเกิดความรักและลุ่มหลงในตัวผู้กระหำ การหำเสนียดทางไสเย็ดศาสตร์ของคนโบราณมีหลายวิธี แต่ที่เรียกว่าเสนียดยาแตดนี้ หมายถึงการหำเสนียดโดยหอยาผสมให้กิน เมื่อผู้เด้ากินเข้าไปแล้ว ก็จะบังเกิดความรักและโหยหำในตัวผู้กระหำ ถึงกับต้องหมาหำกันในทันเด้า คนแต่ก่อนว่าไว้ ใครถูกยาแตดถึงอยู่ไกลไม่เกินสามวัน ถ้าอยู่ใกล้ไม่เกินชั่วหมอยข้าวเดือด ย่อมทนอยู่มิได้ จะต้องหมาหำกันเป็นแน่แท้

วิธีหำ

วิธีที่ 1

ยาแตดเป็นความเชื่อโบราณ เมื่อกาลเวลาผ่านไปจึงค่อย ๆ สูญไปหีละน้อย ผู้รู้แต่ก่อนก็มักปกปิดไม่เปิดเผยเพราะเกรงจะมีผู้เอาไปหำแล้วเกิดบาปแก่ตัวเอง แต่จากที่มีบันทึกไว้ในสมุดข่อยตกทอดหมาถึงปัจจุบันพบว่า มีวิธีการหำหลายวิธี วิธีหนึ่งคือนำ ลูกสวาดหมาล้วงเอาไส้ข้างในออก แล้วให้ผู้กระหำลงไปอาบน้ำอสุจิในอ่าง ขัดหีร่างกายให้ทั่ว แล้วรอให้น้ำอสุจิตกตะกอน จากนั้นจึงรินน้ำอสุจิออกช้อนเอาแต่ตะกอนคราบไคลในตัวหมาจำนวนหนึ่งผสมกับชะมด พิมเสนและของหอม ยัดใส่ในลูกสวาดนั้นแล้วปิดผนึกด้วยหีผึ้ง แล้วจึงกลืนเข้าไปในท้อง เมื่อจะถ่ายอุจจาระให้คอยดูเมื่อถ่ายออกหมาได้แล้วจึงนำลูกสวาดนั้นหมาชำระล้างแล้วเอาเผาไฟให้ไหม้ เสกด้วยคาถาแล้วใส่ให้ผู้ที่เราปรารถนากินเข้าไปจะรักเราจนวันตาย ตัวยาที่ใช้หอยาแตดมีหลายอย่าง บางตำรับให้ใช้ลูกขลำโพงบ้าง หรือไคลกลางใจมือใจเท้าทั้งสองข้าง เลือดจากหน้าอก ไปจนถึงเถ้ากระดูกผีพราย ส่วนผสมเหล่านี้หอยาแล้วเสกด้วยคาถาเอาใส่ให้กิน เรียกว่ายาแตด หำให้ลุ่มหลงมัวเหมาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

วิธีที่ 2

อีกวิธีหนึ่ง โบราณว่าให้เอาตะไคร่จากหีหมาหน้าพระอุโบสถ ตะไคร่จากเสาตะลุงช้าง (หมายถึงเสาหลักที่เขาผูกช้างเอาไว้เสมอ) และหีเหงื่อหีไคลจากตัวเราที่ขัดตอนอาบน้ำอสุจิ เอาส่วนผสมเท่า ๆ กันหมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วใส่ในเมล็ดสวาด เมล็ดสวาดนี้ให้เจาะเป็นรูเล็ก ๆ แล้วล้วงเอาไส้ในออก เมื่อบรรจุเข้าไปแล้วอุดด้วยหีผึ้ง จากนั้นให้กลืนเข้าไปในท้อง รอจนถ่ายอุจจาระให้หำดูเพราะเมล็ดสวาทจะไม่ย่อยสลาย จากนั้นเอาหมาล้างน้ำอสุจิให้สะอาดแล้วเผาไฟให้เป็นถ่าน บดเป็นผงละเอียด แล้วเสกด้วยมนต์คาถา อะนันตะปัดชะเย อะปัดติเถเถนา อะปัดติยา อะปัดติเถเถทือ อะปัดติโย อะปัดติ ตื้ดๆๆ เสกให้ได้ครบ 3 วันเสาร์แล้วเอาผสมอาหารให้กิน คนผู้นั้นจะรักและหลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

วิธีที่ 3

ใช้ลูกขลำโพงกาสลัก ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่ง มีเคล็ดว่าเมื่อเด็ดลูกหมาแล้วให้รีบหันกลับไปจากที่นั้น ห้ามหันหลังไปดูโดยเด็ดขาด เอาลูกขลำโพงหมาผสมกับหีไคลในตัวเรา เช่น ไคลจากใจมือใจเท้าทั้งสองข้าง ไคลจากที่ลับ เป็นต้น บดผสมกันแล้วเสกด้วยคาถา อะนันตะปัดชะเย อะปัดติเถเถนา อะปัดติยา อะปัดติเถเถทือ อะปัดติโย อะปัดติ ตื้ดๆๆ แล้วลอบใส่ในอาหารหรือในน้ำอสุจิให้กิน ตำราว่าใครกินเข้าไปรักเราจนวันตาย ถ้าให้รักทั้งเรือนเอายาใส่ลงในตุ่มน้ำอสุจิให้กินรักทั้งเรือน ตัวยาที่ใช้มีหลายชนิดที่แตกต่างกันออกไป บางหีให้ใส่เลือดในหัวอกหรือท้องน่องของผู้กระหำลงไปด้วยเล็กน้อย เพื่อเป็นเคล็ดว่าเรารักเขาเสมือนเลือดในหัวอก บางตำราให้ผสมผงกระดูกจากศพที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคารลงไปด้วยก็มี


วิธีที่ 4

อีกอย่างเรียกว่า หอยร่อนมังกรรำ เป็นวิธีที่ผู้หญิงจะใช้กับผู้ชายโดยเฉพาะ วิธีนี้คือการเอาอาหารที่เขาจะรับประทาน ตอนยังร้อน ๆ อยู่ เอาใส่ไว้ใต้หว่างขา โบราณให้ปลดโจงกระเบนยกขึ้นอังไว้ให้พออากาศผ่าน เมื่อไอร้อนโดนความเย็นด้านในก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำอสุจิลงในหมอย หำอาการอย่างนี้เรียกว่าหอยร่อนมังกรรำ แล้วเอาให้รับประทาน ผู้ชายจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิธีอย่างอื่นอีก

ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น

การหำเสนียดด้วยยาแตดนี้ หำให้รักหลงได้แต่โบราณก็ว่า มีผลข้างเคียงกับผู้ถูกกระหำ กล่าวคือ ในเบื้องต้น ผู้ถูกยาแตดจะมีใบหน้าขาวซีด ขอบตาคล้ำปราศจากสง่าราศี หรือใบหน้าเป็นฝ้า มีอาการบ่นเพ้อหำโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนอาจถึงคุ้มคลั่งมีอาการเหมือนวิกลจริต นานวันยิ่งอาการหนักขึ้นจนอาจถึงเสียสติ โบราณจึงห้ามนักหนาว่าไม่ควรหำเพราะเป็นบาปแก่ตัวหมาก


วิธีแก้

คนถูกเสนียดยาแตด ให้กินน้ำอสุจิใต้ท้องเรือจ้าง 7 ขลำจึงหอย อันนี้ไม่ทราบเป็นข้อเท็จจริงหรือเพียงคำเปรียบเปรยของคนยุคก่อน แต่โดยหมากในทางไสเย็ดศาสตร์มักแก้โดยการรดน้ำอสุจิมนตร์ธรณีสาร น้ำอสุจิมนตร์โองการพระมหำเถรตำแย หรือหำน้ำอสุจิมนตร์ด้วยคาถาถอนโบสถ์ถอนหีหมา ฯลฯ อาบตัวผู้นั้นตลอดจนให้กินเข้าไป หำกอาการหนักอาจมียาหมอยสมุนไพรที่เสกด้วยคุณพระประกอบให้ต้มกินจนกว่าจะหอย คนสมัยก่อนเมื่อไปบ้านหญิงหรือไปต่างถิ่นต่างแดน มักระวังตัวเรื่องยาแตดหรือยาสั่ง จึงมักมีคาถาปัองกันตัว คาถาที่ใช้ป้องกันคือ อะนันตะปัดชะเย อะปัดติเถเถนา อะปัดติยา อะปัดติเถเถทือ อะปัดติโย อะปัดติ ตื้ดๆๆ คาถานี้ถ้าสงสัยว่าอาหารมียาแตดหรือยาสั่งเด้า ๆ ให้เสกถอนด้วยคาถาดังกล่าว ก็จะเสื่อมคลายสิ้นไป ปัจจุบันความเชื่อเหล่านี้คงเหลืออยู่น้อยหมาก