ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/หน้าที่ของคำ/คำนาม"

จาก วิกิตำรา
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัดที่ 95: บรรทัดที่ 95:
* a family quarrel (การทะเลาะในครอบครัว)
* a family quarrel (การทะเลาะในครอบครัว)
* a New York bank (ธนาคารนิวยอร์ก)
* a New York bank (ธนาคารนิวยอร์ก)
* a morning walk" (การเดินยามเช้า)
* a morning walk (การเดินยามเช้า)
}}
}}



รุ่นแก้ไขเมื่อ 01:30, 7 มิถุนายน 2563

บทนี้ว่าด้วยคำนาม (Nouns) ในภาษาอังกฤษ ซึ่งหมายถึง คำที่เป็นชื่อของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ รวมทั้งสิ่งที่เป็นนามธรรม

คน Johny, Arabs
สัตว์ cat
สิ่งของ chair
สถานที่ nation
นามธรรม goodness

ชนิดคำนาม

  1. สามานยนาม (Common noun)
  2. วิสามานยนาม (Proper noun)
  3. สมุหนาม (Collective noun)
  4. วัตถุนาม (Material noun)
  5. อาการนาม (Abstract noun)
  6. นามผสม (Compound noun)

สามานยนาม

สามานยนาม หมายถึง นามที่เป็นชื่อทั่วไปของคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ ไม่ได้ชี้เฉพาะเจาะจงลงไปว่าชื่ออะไร เช่น

The man works in the garden. ผู้ชายทำงานอยู่ในสวน
A cat is on the table. แมวอยู่บนโต๊ะ

วิสามานยนาม

วิสามานยนาม หมายถึง นามที่เป็นชื่อเฉพาะของคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ รวมทั้งราชาศัพท์ด้วย คำนามชนิดนี้ เวลาเขียนต้องเขียนขึ้นต้นด้วยตัวอักษรใหญ่ (Capital Letter) เสมอไม่ว่าจะวางตรงไหนของประโยคก็ตาม เช่น

Columbus discovered America by himself. โคลัมบัสค้นพบอเมริกาด้วยตัวของเขาเอง
Bangkok is the capital of Thailand. กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย

สมุหนาม

สมุหนาม หมายถึง นามที่เป็นชื่อของหมู่คณะ ฝูง พวก กลุ่ม แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดที่สมุหนามไปประกอบกับสามานยนามโดยมี of มาคั่น เพื่อให้เน้นความเป็นหมู่คณะนั้นชัดยิ่งขึ้น ตามโครงสร้างดังนี้

โครงสร้าง Collective noun + of + Common noun
ตัวอย่าง A bunch of flowers ดอกไม้ช่อหนึ่ง
A cluster of stars ดาวกลุ่มหนึ่ง

(สังเกตว่า common noun ที่นำม่าใช้อยู่ในรูปพหูพจน์)

ส่วนอีกชนิดหนึ่งเป็น คำคำเดียวที่มีความหมายแสดงหมวดหมู่ กลุ่มก้อนในตัวมันเองอยู่แล้ว เช่น family ครอบครัว, army กองทัพบก, flock ฝูงสัตว์, jury คณะลูกขุน, cabinet คณะรัฐมนตรี เป็นต้น

วัตถุนาม

วัตถุนาม หมายถึง นามที่เป็นชื่อของวัตถุ หรือบางครั้งจะเรียกว่า Mass noun นามมวลสารก็ได้ เพราะนามจำพวกนี้อยู่เป็นกลุ่มก้อน แสดงความมากน้อยด้วยปริมาณ ไม่ใช่ด้วยจำนวน และนามชนิดนี้ไม่ใช้ Article นำหน้า

อาการนาม

อาการนาม หมายถึง นามที่เป็นชื่อของสภาวะ สถานะ คุณลักษณะ หรือการกระทำ โดยไม่มีความสัมพันธ์กับสิ่งที่อยู่ในธรรมชาติ เช่น

Death comes to all men. ความตายย่อมมาสู่มนุษย์ทุกคน

แบ่งได้เป็นสองกลุ่ม คือ

  1. Attribute nouns แสดงคุณภาพหรือคุณลักษณะหรือคุณภาพ มาจากคำคุณศัพท์
  2. Verbal nouns แสดงสถานะ สภาพหรือการกระทำ มาจากคำกริยา

Verbal nouns แบ่งตามที่มาได้ 3 อย่าง

(1) เป็นคำกริยาที่ไม่เปลี่ยนรูป เพียงแต่เปลี่ยนหน้าที่ เช่น "a long run" "a bold move," "a brisk walk."
(2) เป็นการเปลี่ยนคำลงท้ายหรือเติมคำตามหลัง (suffix) เช่น motion จาก move, speech จาก speak, theft จาก thieve, action จาก act, service จาก serve
(3) เป็นกริยาลักษณะ gerund
Sleeping at midday is necessary for a baby. การนอนหลับกลางวันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็ก
John likes reading after dinner. จอห์นชอบอ่านหนังสือหลังทานอาหารค่ำ

นามผสม

นามผสม อาจแบ่งได้เป็นสองประเภท คือ

  1. คำที่ประสมเข้าเป็นคำเดียว เช่น courtyard, stepson
  2. กลุ่มคำที่ส่วนแรกเป็นคำหลัก แล้วนามต่อมาเป็นคำขยาย รายละเอียดการเปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์ ดูด้านล่าง

การใช้คำนามแบบพิเศษ

วิสามานยนามบางคำใช้เสมือนสามานยนามได้ในกรณีต่อไปนี้

  1. จุดกำเนิดของวัตถุใช้เป็นชื่อของวัตถุนั้นเอง เช่น china (เครื่องลายคราม)
  2. เป็นชื่อของคนหรือสถานที่ที่มีลักษณะบางประการที่ใช้บรรยายคนหรือสถานที่อื่นที่มีคุณสมบัติเดียวกัน เช่น a Hercules (หมายถึง คนที่มีพละกำลังมาก)

นามสามารถนำมาติดกับนามอีกคำหนึ่งโดยจะมีความหมายเพิ่มความหมายหรือคำอธิบาย (ทำหน้าที่เสมือนคุณศัพท์) ตัวอย่างเช่น

  • a family quarrel (การทะเลาะในครอบครัว)
  • a New York bank (ธนาคารนิวยอร์ก)
  • a morning walk (การเดินยามเช้า)

คำหรือกลุ่มคำประเภทอื่นที่ใช้เป็นคำนาม

มีการนำคำหรือกลุ่มคำประเภทอื่นมาใช้เป็นนาม โดยมีที่มาจาก

  1. คำหน้าที่อื่น เช่น
    The great, the wealthy, fear thy blow.—Burns. หมายถึง ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มั่งมี
  2. กลุ่มคำ เช่น
    Too swift arrives as tardy as too slow.—Shakespeare. หมายถึง คนที่มาเร็ว, คนที่มาช้า

นามนับไม่ได้ (Uncountable หรือ mass noun)

ในภาษาอังกฤษและอีกหลายภาษา นามนับไม่ได้หมายถึงคำนามที่มีคุณสมบัติที่ปริมาณใด ๆ ถือเป็นหน่วยที่แบ่งแยกไม่ได้ ไม่ใช่ส่วนย่อยที่แยกออกจากกันได้ มีแนวโน้มให้ใช้คำนามที่หมายถึงของเหลว (water, juice), ผงหรือเมล็ด (sugar, sand, rice), หรือสสาร (metal, wood) เป็นคำนามนับไม่ได้ คำนามนับไม่ได้ไม่มีการแบ่งเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ แต่ใช้คู่กับรูปกริยาเอกพจน์

คำนามนับไม่ได้ไม่สามารถใส่ตัวเลขด้านหน้าโดยตรงเพื่อบอกจำนวนได้ แต่ให้ใช้หน่วยวัดที่เจาะจง เช่น "20 litres of water" (เทียบกับ 20 chairs)

คำนามบางคำเป็นได้ทั้งนามนับได้และนามนับไม่ได้ ตัวอย่างเช่น "wine"

  • This is a good wine. นี่เป็นไวน์ที่ดี [หมายถึงไวน์ที่กำลังชิมหรือดื่มอยู่]
  • I prefer red wine. ฉันชอบไวน์แดง [ชนิดของไวน์]

สองประโยคมีความหมายต่างกัน

อีกตัวอย่างหนึ่ง เช่น "cabbage"

  • three cabbages
  • three heads of cabbage

ข้างต้นสองบรรทัดมีความหมายเหมือนกัน

เอกพจน์และพหูพจน์

ในภาษาอังกฤษรูปของนามอาจเปลี่ยนตามจำนวนได้ คือ มีทั้งนามรูปเอกพจน์ (singular) และพหูพจน์ (plural) เอกพจน์หมายถึงนามเดียว ส่วนพหูพจน์หมายถึงนามตั้งแต่สองขึ้นไป

รายละเอียดของรูปเอกพจน์และพหูพจน์ของนามดูได้ในตารางด้านล่าง

รายละเอียด เปรียบเทียบ
รูปเอกพจน์ รูปพหูพจน์
คำนามส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์โดยเติม -s girl
dog
girls
dogs
เติม -es แทน -s ในกรณีต่อไปนี้
(1) เมื่อคำนามนั้นลงท้ายด้วยอักษรที่ไม่สามารถเติม -s แล้วออกเสียงได้
box
cross
glass
boxes
crosses
glasses
(2) คำนามลงท้ายด้วย -y ที่ตามหลังพยัญชนะ เปลี่ยน y เป็น i
ally
fairy
allies
fairies
(3) คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย -f หรือ -fe เติม -ves
knife
shelf
knives
shelves
(4) คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย -o
volcano volcanos, volcanoes
คำนามบางคำเติม -en ox
child
oxen
children
คำนามบางคำเปลี่ยนสระ man
foot
mouse
men
feet
mice
คำยืมจากภาษาต่างประเทศมักมีการเปลี่ยนรูปแบบไม่ปกติ (irregular plural)

ภาษาละตินและกรีก

(1) คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย -a เปลี่ยนเป็น -ae หรือบ้างเติม s
formula formulae, formula
(2) คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย -ex หรือ -ix เปลี่ยนเป็น -ices
index indicies
(3) คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย -is เปลี่ยนเป็น -es
testis
crisis
ยกเว้น: polis (และคำที่มาจาก polis)
testes
crises
poleis
(4) คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย -um เปลี่ยนเป็น -a
medium
millennium
media
millennia, millenniums
(5) คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย -us เปลี่ยนเป็น -i (หรือบ้างเติม -es)
alumnus
virus
alumni
viruses
(6) คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย -on เปลี่ยนเป็น -a
phenomenon phenomena, phenomenons
(7) คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย -ma เปลี่ยนเป็น -mata
stigma stigmata, stigmas
คำยืมภาษาฝรั่งเศสบางคำเติม x bureau bureaux, bureaus
คำยืมภาษาอิตาลี โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเครื่องดนตรี คงรูปพหูพจน์ของภาษาอิตาลี cello celli
คำยืมภาษาอื่นมีทั้งคงรูปพหูพจน์ตามภาษานั้น ๆ หรือเติม -s oblast oblasti, oblasts (ภาษาสลาฟ)
นามผสมที่ส่วนแรกเป็นคำหลัก แล้วนามต่อมาเป็นคำขยาย (ดูด้านบน) เติม -s ที่นามตัวหน้า court-martial
son-in-law
courts-martial
sons-in-law
คำนามบางคำมีรูปเอกพจน์และพหูพจน์รูปเดียวกัน deer
sheep
deer
sheep
คำนามบางคำปกติเป็นเอกพจน์ แม้เขียนในรูปพหูพจน์ คำกลุ่มสาขาวิชา: mathematics, politics, physics
news, means
คำนามบางคำไม่มีรูปเอกพจน์เข้าคู่กัน (เป็นพหูพจน์เสมอ) scissors, trousers, spectacles, assets
คำนามบางคำมีรูปพหูพจน์หลายรูปซึ่งเปลี่ยนความหมายของคำ cloths (ผ้าประเภทหนึ่ง), clothes (เครื่องนุ่งห่ม)

เพศของคำนาม

ในภาษาอังกฤษ คำนามสามารถมีได้ 2 เพศ คือ เพศชายหรือผู้ (masculine) และเพศหญิงหรือเมีย (feminine) เพศของคำนามบอกได้จาก

  1. คำเติมหน้า (Prefix) เช่น
    she-goat—he-goat, cock sparrow—hen sparrow
  2. คำเติมท้าย (Suffix) มักลงท้ายด้วย -ess เช่น
    lion—lioness, actor—actress

หน้าที่ของคำนามในประโยค

หน้าที่ของคำนามในประโยคแบ่งได้เป็น กรรตุการก (nominative), กรรมการก (objective) และสัมพันธการก (possessive)

กรรตุการก

  1. เป็นประธานของกริยา
  2. เป็นนามภาคแสดง (predicate noun) หรือคำที่เติมกริยาให้สมบูรณ์ เช่น
    "A bent twig makes a crooked tree."
  3. วางข้างนามกรรตุการกอื่น เป็นการเพิ่มความหมายของคำนั้น เช่น
    "The reaper Death with his sickle keen."
  4. ใช้เมื่อกล่าวด้วยโดยตรง (direct address) เช่น
    "Lord Angus, thou hast lied!"
  5. ใช้กับ infinitive ในประโยคอุทาน เช่น
    "David to die!"

กรรมการก

  1. เป็นวัตถุโดยตรงหรือโดยอ้อมของกริยา
  2. เป็นการนิยามการกระทำของกริยาโดยระบุเวลา การวัด ระยะทาง เป็นต้น เช่น
    ""Cowards die many times before their deaths."
  3. เป็นวัตถุที่สอง เป็นภาคแสดงที่เติมกริยาให้สมบูรณ์ (คือไม่ใช่สิ่งเดียวกับประธาน) เช่น
    "Time makes the worst enemies friends."
  4. เป็นวัตถุของบุพบท เช่น
    ""He must have a long spoon that would eat with the devil."
  5. วางข้างกรรมการกอื่น เช่น
    "The opinions of this junto were completely controlled by Nicholas Vedder, a patriarch of the village, and landlord of the inn."

สัมพันธการก

  1. สัมพันธการกวางแนบ (Appositional possessive) เทียบเท่ากับกรรมการกวางแนบ (appositional objective) เช่น
    The blind old man of Scio's rocky isle.—Byron
  2. สัมพันธการกกรรม (Objective possessive) เทียบเท่ากับกรรมการก เช่น
    "He passes to-day in building an air castle for to-morrow, or in writing yesterday's elegy."—Thackeray
  3. สัมพันธการกรรตุ (Subjective possessive) เทียบเท่ากับกรรตุการก เช่น
    The unwearied sun, from day to day,
    Does his Creator's power display.
    —Addison.
หมายเหตุ
  1. บางครั้งละ s ในสัมพันธการกเอกพจน์ถ้าคำลงท้ายด้วยเสียงเสียดแทรก (hissing) แล้วเสียงเสียดแทรกอีกเสียงหนึ่งตามมา เหลือเฉพาะเครื่องหมายอะพอสทรอพี เช่น
    for goodness' sake
  2. ในวลีความซ้อน เติมอะพอสทรอพีหลังคำสุดท้าย เช่น
    They invited me in the emperor their master's name.—Swift.
  3. พบการใช้ double possessive เช่น
    Besides these famous books of Scott's and Johnson's, there is a copious "Life" by Thomas Sheridan.—Thackeray

อ้างอิง