ใบรับรองคุณภาพเพชร

จาก วิกิตำรา

ใบรับรองคุณภาพเพชร หรือใบรายงานเพชร (นิยมเรียก ใบเซอร์เพชร) บทความนี้จะอธิบายวิธีการอ่านใบเซอร์เพชร ว่ารายละเอียดในใบเซอร์แต่ละส่วนมีความหมายยังไงบ้าง และวิธีการคัดเลือกเพชรคุณภาพดีจากการอ่านรายละเอียดในใบเซอร์

การอ่านใบรับรองคุณภาพเพชร[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

  1. เริ่มจาก หมายเลข 1 ตัวอย่างใบเซอร์นี้เป็นของ GIA แบบ Dossier (คือเป็นแบบใบเล็ก จะไม่มีการพล็อตตำแหน่งตำหนิของเพชร ต่างจาก full diamond report ที่จะมีการแสดงตำแหน่งตำหนิของเพชรด้วย ซึ่งมักจะมาพร้อมกับเพชรเม็ดใหญ่กว่า 0.90 กะรัต) สำหรับ laser inscription นี้จะหมายถึง หมายเลขของใบเซอร์ที่แสดงไว้ที่ขอบเพชร (girdle)
  2. Shape and cutting style หมายถึงรูปทรง และแบบการเจียรไนของเพชร ตามตัวอย่างคือ Round Brilliant คือเพชรทรงกลม เหลี่ยมเกสร สำหรับเพชรทรงอื่นๆ ได้แก่ Square (สี่เหลี่ยม) Oval (ไข่) Pear (หยดน้ำ) Marquise (เม็ดข้าว) เป็นต้น
  3. Measurement หมายถึงขนาดของเพชร ความกว้างxความยาวxความสูง หรือถ้าสำหรับเพชรทรงกลม เป็น ความกว้าง (เส้นผ่านศูนย์กลาง)สูงสุด x ความกว้าง(เส้นผ่านศูนย์กลาง)ต่ำสุด x ความสูง หน่วยเป็นมิลลิเมตร จากรูป เพชรเม็ดนี้มีขนาด กว้างสูงสุด 4.48 มม กว้างต่ำสุด 4.45 มม และมีความสูง (ความลึก) 2.76 มม สำหรับเพชรกลม ความแตกต่างระหว่าง ความกว้างสูงสุด และต่ำสุด ยิ่งน้อย จะยิ่งกลม และยิ่งดีครับ เช่นอย่างเม็ดนี้ต่างกัน 0.03 มม ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ เกณฑ์ความกว้างสำหรับเพชรเม็ดเล็กขนาด 30-50 ความแตกต่างไม่ควรเกิน 0.05 มม และอาจต่างได้ถึงไม่เกิน 0.10 มม สำหรับเพชรขนาดใหญ่กว่าครึ่งกะรัต นอกจากนี้ measurement ยังสามารถใช้คำนวณ %ความลึก (Total depth) ได้ด้วย โดยใช้สูตร ความลึก/ความกว้างเฉลี่ย จากรูป เพชรเม็ดนี้มี % ความลึก = 2.76/4.465= 61.8% ความกว้างเฉลี่ยคิดจาก (4.48+4.45)/2
  4. Carat Weight หมายถึงน้ำหนักของเพชร โดย 1 กะรัตมี 100 สตางค์ ตามตัวอย่างเพชรน้ำหนัก 0.33 กะรัต หรือ 33 สตางค์
  5. Color หมายถึง สีของเพชร โดยเริ่มจาก D, E, F,.... 100, 99, 98 สียิ่งสูง เพชรจะยิ่งขาว จะยิ่งมีมูลค่าและราคาสูง
  6. Clarity หมายถึง ความสะอาดเพชร โดยเริ่มจาก IF, VVS1, VVS2, VS1, VS2, SI1-3, I1-3 แนะนำให้เลือกเพชรความสะอาดตั้งแต่ VS2 ขึ้นไป เพราะตำหนิ มีขนาดเล็กมาก ไม่มีผลต่อความสวยงามของเพชร สำหรับความสะอาดระดับต่ำกว่านั้นเช่น SI ตำหนิจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และบางครั้งจะขัดขวางการเดินทางของแสง
  7. Cut หมายถึง การเจียรไน เป็นการสรุปคุณภาพการเจียรไนโดยรวมของเพชรเม็ดนั้นๆ ควรเลือกเพชรที่มี cut grade เป็น Excellent หรือ Very Good เพราะเพชรที่เจียรไนสวยจะมีความแวววาว ประกาย การเล่นไฟ ความระยิบระยับ ที่สวยงาม หรือสำหรับท่านที่ต้องการประหยัดงบ อาจเลือกเป็น Good ก็ได้ แต่ขอให้หลีกเลี่ยง เกรด Fair, Poor
  8. Clarity Characteristic หมายถึง ลักษณะของตำหนิภายใน และภายนอกเพชร เช่น Crystal (ผลึก) pinpoint (รูเข็ม) cloud (กลุ่มของรูเข็ม คล้ายเมฆ) natural (ร่องรอยการเจริญเติบโตของเพชร ที่ใช้ยืนยันได้ว่าเป็นเพชรแท้)
  9. Polish คุณภาพการขัดเงาที่ผิวเพชร เพชรที่มีการ Polish (ขัดเงา) ที่ดีจะมีความแวววาว สวยงาม สำหรับเพชรที่คุณภาพการขัดเงาไม่ดีนัก บางครั้ง เราจะเห็นเหมือนเป็นลาย (Polish Line) ซึ่งเกิดจากการขัดที่ผิวเพชร ควรเลือกซื้อเพชรที่มีคุณภาพการขัดเงา ที่ Excellent, Very Good หรืออย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า Good
  10. Symmetry คือ ความสมมาตรของเพชร เพชรคุณภาพดีย่อมมีความสมมาตร หลักสังเกตง่ายๆ ให้ลองจินตนาการ พับเพชรแบ่งครึ่ง เพชรที่มีความสมมาตรที่ดี ด้านซ้ายและด้านขวาที่เกิดจากการแบ่งเพชรเป็นสองส่วน จะมีขนาดเหลี่ยมต่างๆใกล้เคียงกัน ควรเลือกเพชรที่มีความสมมาตรระดับ Excellent, Very Good
  11. Fluorescence คือ การเรืองแสงของเพชรภายใต้แสงเหนือม่วง (ultraviolet) สำหรับเพชรเม็ดเล็ก ฟลูออเรสเซนปานกลาง ถึงเข้ม จะทำให้เพชรดูขาวกว่าความเป็นจริง แต่สำหรับเพชรเม็ดใหญ่ ฟลูออเรสเซนจะทำให้เพชรดูฝ้าและหมองครับ ควรเลือกซื้อเพชรที่ ไม่มีฟลูออเรสเซน (None) หรือมีเพียงจางๆ (faint, Slight)
  12. Total depth เปอร์เซ็นต์ความลึก หมายถึง สัดส่วน ความลึกต่อความกว้างเฉลี่ยของเพชร เพชรที่ลึก หรือหนาเกินไปจะทำให้หน้าเพชรมืด หรือที่เรียกว่า nail head ส่วนเพชรที่บางเกินไป บางครั้งจะทำให้เห็นเงาสะท้อนของขอบเพชรที่หน้าเพชร ซึ่งถ้าขอบเพชรเป็นแบบ beard-girdle (ขอบขุ่น) จะทำให้เกิด fish eye เปอร์เซ็นความลึกที่ดีอยู่ระหว่าง 58-62.9%
  13. Table size ขนาดของเหลี่ยมเทเบิ้ล (เหลี่ยมที่ใหญ่ที่สุด เป็นแปดเหลี่ยมอยู่กลางหน้าเพชร) ขนาด table ที่สวยงามอยู่ระหว่าง 52-60%
  14. Crown angle มุมคราวน์ มุมคราวน์ตามเหลี่ยมในอุดมคติ (Ideal cut) อยู่ระหว่าง 33-35.1 องศา
  15. Crown height ความสูงของคราวน์ (ครึ่งบนของเพชรเมื่อมองจากด้านข้าง) เทียบกับความกว้างเฉลี่ยของเพชร ความสูงของคราวน์ตามเหลี่ยมในอุดมคติ (Ideal cut) อยู่ระหว่าง 13.5-16.8%
  16. Pavillion Angle มุมพาวิลเลี่ยน ไม่เคยเห็นการกำหนดมุมพาวิลเลี่ยนที่เหมาะสม แต่โดยมากที่เห็นจะอยู่ระหว่าง 40.5-41.5 องศา
  17. Pavillion Depth ความลึกของพาวิลเลี่ยน (ครึ่งล่างของเพชรเมื่อมองจากด้านข้าง) เทียบกับความกว้างเฉลี่ยของเพชร ความลึกของพาวิลเลี่ยนตามเหลี่ยมในอุดมคติ (Ideal cut) อยู่ระหว่าง 42.5-43.5%
  18. Girdle เพชรที่มีคุณภาพดีมักมีขอบเพชรอยู่ระหว่าง thin-medium-slightly thick (บาง-กลาง-หนาเล็กน้อย )ควรหลีกเลี่ยงเพชรที่มีขอบบางมาก (Very thin) เพราะขอบเพชรจะเปราะและบิ่นได้ง่าย และควรหลีกเหลี่ยงเพชรที่มีขอบหนา-หนามาก (thick-very thick) เพราะแสงปริมาณมากจะลอดออกทางขอบเพชร ความสวยงามของเพชรจะลดลง
  19. Culet คือเหลี่ยมที่ส่วนล่างสุดของเพชร (ก้นเพชร) ควรเลือกเพชรที่ไม่มีเหลี่ยม culet (none or pointed) หรือ small และหลีกเลี่ยงเพชรที่มี culet ใหญ่กว่า medium ขึ้นไป เพราะเวลามองเพชรจากด้านหน้าจะเห็นเหลี่ยมนี้ เหมือนมีรูกลมๆตรงกลางเพชร

อ้างอิง[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]