คอนกรีตเทคโนโลยี
หน้าที่คุณเห็นนี้ต้องการ "การปรับปรุงเนื้อหา การแก้ไขรูปแบบ การเรียบเรียงภาษาที่ใช้ใหม่ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมด" ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือในหลายส่วนด้วยกัน เพื่อให้ได้ถูกต้องตามมาตรฐานและนโยบายของวิกิตำรา คุณสามารถช่วยตรวจสอบ และแก้ไขบทความนี้ได้ด้วยการกดปุ่ม แก้ไข ด้านบน เมื่อทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยดีแล้ว คุณสามารถนำป้ายนี้ออกได้ทันที |
บทนำ (Introduction)
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]บทนำ
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]ประวัติคอนกรีต
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]วิธีการนี้จะทำให้คอนกรีตสามารถรับน้ำหนักได้เพิ่มมากขึ้น โดยงานสะพานและทางยกระดับ นิยมใช้คอนกรีตอัดแรง คอนกรีต จะมีสัดส่วนปูนซีเมนต์ต่อทราย ต่อหิน ดังนี้
ส่วนประกอบของคอนกรีต
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]--ธนบูลย์ เอกตาแสง (พูดคุย) 01:00, 26 พฤษภาคม 2557 (ICT)== ปูนซีเมนต์ (Cement) ==
บทนำ
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]ประวัติปูนซีเมนต์
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]ปูนซีเมนต์ธรรมชาติเป็นหินพอซโชลานา ซึ่งชาวโรมันได้ค้นพบและใช้ในงานผสมคอนกรีต ทำให้ชาวโรมันสามารถสร้างอาคารใหญ่ๆ หรือช่วงกว้างๆ ได้คงทนถาวร
การกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]ปฏิกิริยาไฮเดรชั่น
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]การทดสอบปูนซีเมนต์
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]มี5 ประเภท ได้แก่ ปูนซีเมนต์ตราช้าง ตราพญานาคเศียรเดียว ตราเพชร ตราพญานาค 7 เศียร และตราปลาฉลาม
ปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษ
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]วัสดุปอซโซลาน
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]- 2 วัสดุปอซโซลาน ( Pozzolan ) เป็นสารผสมเพิ่มแบบแร่ธาตุ ( Mineral Admixture ) ซึ่งมีองค์ประกอบของธาตุที่สำคัญเหมือนปูนซีเมนต์ เช่น ซิลิกา (SiO 2 ) และ อลูมิน่า (Al2O3)
ในปัจจุบันวัสดุปอซโซลานที่นำมาผสมกับผงซีเมนต์มีมากมาย เช่น ดินเหนียว ดินดาน ผงถ่านหิน เถ้าแกลบ เถ้าลอย แต่ที่นิยมนำมาใช้มากที่สุดคือ เถ้าลอย( Fly Ash ) ที่ได้จากเตาเผาของโรงผลิตกระแสไฟฟ้า เพราะมีปริมาณมากและเมื่อนำมาผสมกับซีเมนต์เพสต์แล้วมีคุณสมบัติด้านรับแรงอัดได้สูงขึ้น โดยสัดส่วนของปอซโซลานที่ใช้ควรอยู่ระหว่าง 15 – 50 % ของน้ำหนักของปูนซีเมนต์ทั้งหมด โดยประโยชน์ที่นำวัสดุปอซโซลานมาผสมมีดังนี้
- ทำให้คอนกรีตมีการขยายตัวน้อย มีความทึบน้ำสูง
- ให้ความร้อนในการทำปฏิกิริยากับน้ำต่ำเมื่อเทียบกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ธรรมดาจึงเหมาะสำหรับงานคอนกรีตหลา
- มีอัตราการพัฒนาแรงอัดช้าเนื่องจากทำปฏิกิริยากับน้ำอย่างช้าๆ แต่ให้แรงอัดในระยะหลังเท่ากันหรืออาจมากว่าเมื่อใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ธรรมดา โดยบ่มชื้นให้นานกว่าปกติ
- ทนทานต่อการกัดกร่อนของสารประกอบผงซัลเฟตได้ดีอีกด้วย
มวลรวม (Aggregate)
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]บทนำ
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]การจำแนกมวลรวม
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]คุณสมบัติของมวลรวมและการทดสอบ
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]น้ำ (Water)
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]บทนำ
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]คุณสมบัติและการทดสอบ
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]สารเคมีผสมเพิ่ม (Chemical Admixtures)
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]บทนำ
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]Dispersing Admixtures
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]Retarding Admixtures
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]สารหน่วง
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]คือสารเคมีที่ใช้ในการหน่วงการก่อตัวโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อกำลังของคอนกรีตในระยะยาว พบมากใน
งานก่อสร้างที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง (ที่มีผลให้ปฏิกริยาไฮเดรชันของคอนกรีตถูกเร่งเร็วขึ้นทางอ้อม ทำให้สูญเสียความสามารถในการเทเร็วขึ้น)
งานก่อสร้างที่ต้องขนส่งคอนกรีตไกล
งานก่อสร้างคอนกรีตหลา (Mass Concrete)
งานถนน
สารหน่วงตามธรรมชาติคือ น้ำตาล
Accelerating Admixtures
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]Air-entraining Admixtures
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]Special Admixtures
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]วัสดุผสมเพิ่ม (Mineral Admixtures)
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]บทนำ
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]วัสดุปอซโซลาน
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]คอนกรีตสด (Fresh Concrete)
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]บทนำ
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]คุณสมบัติและการทดสอบ
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]การเทและการอัดแน่น
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]ภาคผนวก(Appendices)
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]อ่านเพิ่มเติม (Further Reading)
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]วิกิตำราภาษาอังกฤษ
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]เอกสารอ้างอิง (References)
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]- Adam M. Neville, J. J. Brooks, Concrete Technology, Longman Scientific and Technical, 1987. ISBN 0-582-98859-4
- Adam M. Neville, Properties of Concrete, Longman Publishing Group, 1995. ISBN 0-582-23070-5
- John Newman and B S Choo (Editor), Advanced Concrete Technology Vol. 1-4 , Longman Butterworth-Heinemann, 2003. ISBN 0-7506-5103-2, ISBN 0-7506-5104-0, ISBN 0-7506-5105-9, ISBN 0-7506-5106-7
- P. Kumar Mehta, Paulo J.M. Monteiro, Concrete, McGraw-Hill Professional; 3 edition 2005. ISBN 0-071-46289-9