สังเขปตำรา พระธรรมบท
ธรรมบท คือ พุทธพจน์ที่มาในรูปของบทกวี มีหัวข้อธรรมชั้นสำคัญๆรวบรวมเป็นหมวดหมู่ ธรรมบท หรือ ธมฺมปท ดังนี้ จัดเป็นบทร้อยกรองที่แสดงพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า ซึ่งได้ทรงแสดงแก่บุคคลตั้งแต่บรรพชิต คฤหัสถ์ นักปราชญ์ ตลอดชาวบ้านธรรมดา กระทั่งเด็กเล็กๆ ก็อาจมีเนื้อหาถึงการแสดงพระธรรมไว้ด้วย บทธรรมะกวีมีด้วยพระธรรมบท ทั้งหมด 423 ๔๒๓ พระคาถา แบ่งเป็น 26 ๒๖ วรรค ที่นับกันว่าเป็นหัวใจหลักแสดงสรุปคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างครอบคลุมที่สุด เป็นพระคัมภีร์บาลีในลำดับแรกๆที่ได้รับการแปลถ่ายทอดเป็นภาษาต่างประเทศมากที่สุด ธรรมบท ยังใช้เป็นหลักสูตรของพระสงฆ์ชั้นประโยค 3-6 ๓-๖ ประโยคด้วย โดยกำหนดให้เรียนควบคู่กับหนังสือตามบทพระอรรถกถาจารย์ ที่ชื่อว่า “ธัมมปทัฏฐกถา” ซึงแต่งโดยพระพุทธโฆษาจารย์ ที่ปรากฏมีอายุมาแล้วเมื่อประมาณ พุทธศตวรรษที่ 10 ๑๐ เป็นต้นมา แล้วปรากฏตามอรรถาธิบายนั้นเอง ว่า อธิบายตามบทนั้นมีลักษณะพิเศษ คือ สอนให้คิดเปรียบเทียบเป็นอุปมาอุปไมยให้ดัดแปลงให้เป็นประโยชน์ได้เอง และเมื่อฝึกฝนตามข้อคิดทั้งหมดแล้วก็อาจได้บรรลุคุณประโยชน์ทางจิตใจตามแต่จะต้องการ เรื่องด้วยบาทพระคาถาและบทธรรม มีดังนี้.
มคธ ไทย | มคธ Magadhi | ฝรั่งเศส | อังกฤษ | โรแมเนีย |
---|---|---|---|---|
คาถาที่ ๑. . .ถึง . . .คาถาที่ ๒๐ หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องพระจักขุบาลเถระ..(Source)
| ||||
ธรรมบท ที่ ๑1. มะโน ปุพพังคะมา ธัมมา มะโนเสฏฐา มะโนมะยา มะนะสา เจ ปะทุฏเฐนะ ภาสะติ วา กะโรติ วา ตะโต นัง ทุกขะมะเนวติ จักกังวะ วะหะโต ปะทัง ใจเป็นผู้นำสรรพสิ่ง ใจเป็นใหญ่(กว่าสรรพสิ่ง) สรรพสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ ถ้าพูดหรือทำสิ่งใดด้วยใจชั่ว ความทุกข์ย่อมติดตามตัวเขา เหมือนล้อหมุนเต้าตามเท้าโค |
1. Manopubbangama dhamma manosettha manomaya manasa ce padutthena bhasati va karoti va tato nam dukkhamanveti cakkamva vahato padam. | 1. Le mental est l'avant coureur des conditions, le mental en est le chef, et les conditions sont façonnées par le mental. Si avec un mental impur, quelqu'un parle ou agit, alors la douleur le suit comme la roue suit le sabot du bœuf. | 1. Mind precedes all mental states. Mind is their chief; they are all mind-wrought. If with an impure mind a person speaks or acts suffering follows him like the wheel that follows the foot of the ox. | 1.Toate lucrurile provin din minte. Totul se naste din minte si este format de minte. Daca cineva graieste si faptuieste cu nepricepere, este urmarit de suferinta la fel de sigur ca si roata care urmeaza animalul de povara. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องมัฏฐกุณฑลี..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๒2. มะโน ปุพพังคะมา ธัมมา มะโนเสฏฐา มะโนมะยา มะนะสา เจ ปะสันเนนะ ภาสะติ วา กะโรติ วา ตะโต นัง สุขะมะเนวะติ ฉายาวะ อะนะปายินี ใจเป็นผู้นำสรรพสิ่ง ใจเป็นใหญ่ (กว่าสรรพสิ่ง) ถ้าพูดหรือทำสิ่งใดด้วยใจบริสุทธิ์ ความสุขย่อมติดตามเขา เหมือนเงาติดตามตน |
2. Manopubbangama dhamma manosettha manomaya manasa ce pasannena bhasati va karoti va tato nam sukha1 manveti chayava anapayini. | 2. Le mental est l'avant coureur des conditions, le mental en est le chef, et les conditions sont façonnées par le mental. Si avec un mental pur, quelque' un parle ou agit, alors le bonheur le suit comme l'ombre qui jamais ne le quitte. | 2. Mind precedes all mental states. Mind is their chief; they are all mind-wrought. If with a pure mind a person speaks or acts happiness follows him like his never-departing shadow. | 2. Toate lucrurile provin din minte. Totul se naste din minte si este format de minte. Daca cineva graieste si faptuieste cu pricepere 2 , fericirea il urmeaza la fel de sigur ca si umbra sa. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องพระติสสเถระ..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๓3. อักโกจฉิ มัง อะวะธิ มัง อะชินิ มัง อะหาสิ เม เย จะ ตัง อุปะนัยหันติ เวรัง เตสัง นะ สัมมะติ ใครมัวคิดอาฆาตว่า “มันด่าเรา มันทำร้ายเรา มันเอาชนะเรา มันขโมยของเรา” เวรของเขาไม่มีทางระงับ |
3. Akkocchi mam avadhi mam ajini mam ahasi me ye ca tam upanayhanti veram tesam na sammati. | 3. " Il m'a maltraité, il m'a battu, il m'a vaincu, il m'a volé ", la haine de ceux qui chérissent de telles pensées n'est pas apaisée. | 3. “He abused me, he struck me, he overpowered me, he robbed me.” Those who harbor such thoughts do not still their hatred. | 3. "M-a ofensat, maltratat, oprimat, ridiculizat", daca cineva hraneste asemenea ganduri, ura nu-l va parasi niciodata. |
ธรรมบท ที่ ๔4. อักโกจฉิ มัง อะวะธิ มัง อะชินิ มัง อะหาสิ เม เย จะ ตัง นูปะนัยหันติ เวรัง เตสู ปะสัมมะติ ใครไม่คิดอาฆาตว่า “มันด่าเรา มันทำร้ายเรา มันเอาชนะเรา มันขโมยของเรา” เวรของเขาย่อมระงับ |
4. Akkocchi mam avadhi mam ajini mam ahasi me ye ca tam nupanayhanti veram tesupasammati. | 4. "Il m'a maltraité, il m'a battu, il m'a vaincu, il m'a volé ", la haine de ceux qui ne chérissent pas de telles pensées est apaisée. | 4. “He abused me, he struck me, he overpowered me, he robbed me.” Those who do not harbor such thoughts still their hatred. | 4. "M-a ofensat, maltratat, oprimat, ridiculizat" daca cineva alunga asemenea ganduri, ura il va parasi si ea. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องความเกิดขึ้นของนางกาลียักษิณี..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๕5. นะ หิ เวเรนะ เวรานิ สัมมันตีธะ กุทาจะนัง อเวเรนะ จะ สัมมันติ เอสะ ธัมโม สะนันตะโน แต่ไหนแต่ไรมา ในโลกนี้ เวรไม่มีระงับด้วยการจองเวร มีแต่ระงับด้วยการไม่จองเวร นี้เป็นกฎเกณฑ์ตายตัว |
5. Na hi verena verani sammantidha kudacanam averena ca sammanti esa dhammo sanantano. | 5. Jamais la haine n'éteint les haines en ce monde. Par l'amour seul les haines sont éteintes. C'est une ancienne loi. | 5. Hatred is never appeased by hatred in this world. By non-hatred alone is hatred appeased. This is a law eternal. | 5. Niciodata ura nu este curmata prin ura, numai bunavointa conciliaza: aceasta este legea imuabila. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องภิกษุชาวเมืองโกสัมพี..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๖6. ปะเร จะ นะ วิชานันติ มะยะเมตถะ ยะมามะเส เย จะ ตัตถะ วิชานันติ ตโต สัมมันติ เมธะคา คนทั่วไปมักนึกไม่ถึงว่า ตนกำลังพินาศ เพราะวิวาททุ่มเถึยงกัน ส่วนผู้รู้ความจริงเช่นนั้น ย่อมไม่ทะเลาะกันอีกต่อไป |
6. Pare ca na vijananti mayamettha yamamase ye ca tattha vijananti3 tato sammanti medhaga. | 6. Les autres ne connaissent pas qu'ici nous périssons, ceux qui connaissent cela en ont leurs querelles apaisées. | 6. There are those who do not realize that one day we all must die. But those who do realize this settle their quarrels. | 6. Oamenii nu observa de fel ca rabdarea ne face rabdatori; dar daca cineva o stie si pricepe ca asa stau lucrurile, pentru el inceteaza orice conflict. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องจุลกาลและมหากาล..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๗7. สุภานุปัสสิง วิหะรันตัง อินทะริเยสุ อะสังวุตัง โภชะนัมหิ อะมัตตัญญุง กุสีตัง หีนะวีริยัง ตัง เว ปะสะหะตี มาโร วาโต รุกขังวะ ทุพพะลัง มารย่อมสามารถทำลายบุคคล ผู้ตกเป็นทาสของความสวยงาม ไม่ควบคุมการแสดงออก ไม่ร้ประมาณในโภชนาหาร เกียจคร้านและอ่อนแอ เหมือนลมแรงพัดโค่นต้นไม้ที่ไม่แข็งแรง |
7. Subhanupassim viharantam indriyesu asamvutam bhojanamhi camattannum kusitam hinaviriyam tam ve pasahati Maro vato rukkhamva dubbalam. | 7. Celui qui demeure contemplant le plaisant, avec des sens non contrôlés immodéré en nourriture, paresseux, inerte, celui là, en vérité, Māra le renversera comme le vent renverse un arbre frêle. | 7. Just as a storm throws down a weak tree, so does Mara overpower the man who lives for the pursuit of pleasures, who is uncontrolled in his senses, immoderate in eating, indolent, and dissipated. | 7. Daca cineva urmareste placerile simturilor, intoxicat, orbit de ele, necumpatat la mancare, trandav, las, inactiv - moartea il insfaca asa cum furtuna ia pe sus un arbust mititel. |
ธรรมบท ที่ ๘8. สุภานุปัสสิง วิหะรันตัง อินทะริเยสุ สุสังวุตัง โภชะนัมหิ มัตตัญญุง สัทธัง อารัทธะวีริยัง ตัง เว นัปปะสะหะตี มาโร วาโต เสลังวะ ปุพพะตัง มารย่อมไม่สามารถทำลายบุคคล ผู้ไม่ตกเป็นทาสของความสวยงาม รู้จักควบคุมการแสดงออก รู้ประมาณในโภชนาหาร มีศรัทธา และมีความขยันหมั่นเพียร เหมือนลมไม่สามารถพัดโค่นภูเขา |
8. Asubhanupassim viharantam indriyesu susamvutam bhojanamhi ca mattannum saddham2 araddhaviriyam tam ve nappasahati Maro vato selamva pabbatam. | 8. Celui qui demeure contemplant le déplaisant, avec des sens bien contrôlés, modéré en nourriture, avec confiance et effort soutenu, Māra ne peut le renverser comme le vent ne peut renverser une montagne de roc. | 8. Just as a storm cannot prevail against a rocky mountain, so Mara can never overpower the man who lives meditating on the impurities, who is controlled in his senses, moderate in eating, and filled with faith and earnest effort. | 8. Daca cineva vede in toate suferinta si mizerie, si, constant, isi stapaneste simturile, cumpatat la mancare, ferm, virtuos - moartea ramane neputincioasa cu el, ca uraganul cu stanca. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องพระเทวทัต..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๙9. อะนิกกะสาโว กาสาวัง โย วัตถัง ปะริทะเหสสะติ อะเปโต ทะมะสัจเจนะ นะ โส กาสาวะมะระหะติ คนที่กิเลสครอบงำใจ ไร้การบังคับตนเองและไร้สัตย์ ถึงจะครองผ้ากาสาวพัสตร์ ก็หาคู่ควรไม่ |
9. Anikkasavo kasavam yo vattham paridahissati apeto damasaccena na so kasavamarahati. | 9. Celui qui, non sans purulences, dénué de contrôle de soi même et d'essentialité, porterait la robe ocre n'en serait pas digne. | 9. Whoever being depraved, devoid of self-control and truthfulness, should don the monk’s yellow robe, he surely is not worthy of the robe. | 9. Daca, fara a fi vindecat de setea arzatoare, cineva imbraca roaba portocalie (kesa) si este departe de adevar si de renuntare 6 , el este nedemn de straiele calugaresti. |
ธรรมบท ที่ ๑๐10. โย จะ วันตะกะสาวัสสะ สีเลสุ สุสะมาหิโต อุเปโต ทะมะสัจเจนะ สะ เว กาสาวะมะระหะติ ผู้หมดกิเลสแล้ว มั่นคงในศีล รู้จักบังคับตนเอง และมีสัตย์ ควรครองผ้ากาสาวพัสตร์แท้จริง |
10. Yo ca vantakasav'assa silesu susamahito upeto damasaccena sa ve kasavamarahati. | 10. Celui qui a vomi toutes les purulences, qui est bien établi dans les règles morales, pourvu du contrôle de soi même et d'essentialité, est vraiment digne de la robe ocre. | 10. But whoever is purged of depravity, wellestablished in virtues and filled with self-control and truthfulness, he indeed is worthy of the yellow robe. | 10. Daca cineva s-a vindecat de setea arzatoare, bine asezat in disciplina comunitatii, fidel adevarului si renuntarii, el este demn de roba portocalie. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องสญชัย..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๑๑11. อะสาเร สาระมะติโน สาเร จะ อะสาระทัสสิโน เต สารัง นาธิคัจฉันติ มิจฉาสังกัปปะโคจะรา ผู้ใดเห็นสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระ เห็นสิ่งที่เป็นสาระ ว่าไร้สาระ ผู้นั้นมีความคิดผิดเสียแล้ว ย่อมไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ |
11. Asare saramatino sare casaradassino te saram nadhigacchanti micchasankappagocara. | 11. Dans ce qui n'est pas essentiel, ils voient l'essentiel, dans l'essentiel, ils voient le sans essence. Ceux qui demeurent dans le champ des idées fausses, jamais n'arrivent à l'essentiel. | 11. Those who mistake the unessential to be essential and the essential to be unessential, dwelling in wrong thoughts, never arrive at the essential. | 11. Daca cineva ia irealul drept real di realul drept ireal, stapanit de iluzie, nu va atinge niciodata realitatea. |
ธรรมบท ที่ ๑๒12. สารัญจะ สาระโต ญัตวา อะสารัญจะ อะสาระโต เต สารัง อะธิคัจฉันติ สัมมาสังกัปปะโคจะรา ผู้ที่เข้าใจสิ่งที่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระ และสิ่งที่ไร้สาระว่าไร้สาระ มีความคิดเห็นชอบ ย่อมประสบสิ่งที่เป็นสาระ |
12. Saranca sarato natva asaranca adhigacchanti te saram adhigacchanti sammasankappagocara. | 12. Ce qui est essentiel, ils le connaissent comme essentiel, ce qui est sans essence, ils le connaissent comme sans essence. Ceux qui demeurent dans le champ des idées justes, arrivent à l'essentiel. | 12. Those who know the essential to be essential and the unessential to be unessential, dwelling in right thoughts, do arrive at the essential. | 12. Daca cineva recunoaste realul ca real si irealul ca ireal, stapanit de intelepciune, el va atinge fara doar si poate realitatea. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องพระนันทเถระ..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๑๓13. ยะถา อะคารัง ทุจฉันนัง วุฏฐิ สะมะติวิชฌะติ เอวัง อะภาวิตัง จิตตัง ราโค สะมะติวิชฌะติ เรือนที่มุงไม่เรียบร้อย ฝนย่อมไหลย้อยเข้าได้ ใจที่ไม่อบรมฝึกหัด ราคะกำหนัดย่อมครอบงำ |
13. Yatha agaram ducchannam vutthi samativijjhati evam abhavitam cittam rago samativijjhati. | 13. De même que la pluie pénètre dans une maison au mauvais chaume, ainsi le désir pénètre un coeur non entraîné. | 13. Just as rain breaks through an ill-thatched house, so passion penetrates an undeveloped mind. | 13. La fel cum se scurge ploaia intr-o casa fara acoperis, tot asa se infiltreaza pofta in mintea nepazita. |
ธรรมบท ที่ ๑๔14. ยะถา อะคารัง สุจฉันนัง วุฏฐิ นะ สะมะติวิชฌะติ เอวัง สุภาวิตัง จิตตัง ราโค นะ สะมะติวิชฌะติ เรือนที่มุงเรียบร้อย ฝนย่อมไหลย้อยเข้าไม่ได้ ใจที่อบรมเป็นอย่างดี ราคะไม่มีวันเข้าครอบงำ |
14. Yatha agaram suchannam vutthi na samativijjhati evam subhavitam cittam rago na samativijjhati. | 14. De même que la pluie ne pénètre pas dans une maison au chaume en bon état, ainsi le désir ne pénètre pas dans un coeur bien entraîné. | 14. Just as rain does not break through a wellthatched house, so passion never penetrates a well-developed mind. | 14. La fel cum ploaia nu poate sa patrunda intr-o casa bine acoperita, tot astfel nu poate penetra pofta intr-o minte bine pazita. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องนายจุนทสูกริก..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๑๕15. อิธะ โสจะติ เปจจะ โสจะติ ปาปะการี อุภะยัตถะ โสจะติ โส โสจะติ โส วิหัญญะติ ทิสวา กัมมะกิลิฏฐะมัตตะโน คนทำชั่วย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ คนทำชั่วย่อมเศร้าโศกในโลกหน้า คนทำชั่วย่อมเศร้าโศกในโลกทั้งสอง คนทำชั่วย่อมเศร้าโศกเดือดร้อนยิ่งนัก เมื่อมองเห็นแต่กรรมชั่วของตน |
15. Idha socati pecca socati papakari ubhayattha socati so socati so vihannati disva kammakilitthamattano. | 15. Il s'afflige dans cette vie, il s'afflige après cette vie, dans tous les mondes celui qui fait le mal s'afflige. Il s'afflige et périt, voyant son action impure. | 15. The evil-doer grieves here and hereafter; he grieves in both the worlds. He laments and is afflicted, recollecting his own impure deeds. | 15. El sufera aici, dincolo si dincolo - omul rau sufera. Buimacit de remuscari, ele este cuprins de spaima in fata faptelor sale rele. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องธัมมิกอุบาสก..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๑๖16. อิธะ โมทะติ เปจจะ โมทะติ กะตะปุญโญ อุภะยัตถะ โมทะติ โส โมทะติ โส ปะโมทะติ ทิสวา กัมมะวิสุทธิมัตตะโน คนทำดีย่อมร่าเริงในโลกนี้ คนทำดีย่อมร่าเริงในโลกหน้า คนทำดีย่อมร่าเริงในโลกทั้งสอง คนทำดีย่อมร่าเริง เบิกบานใจยิ่งนัก เมื่อมองเห็นแต่กรรมบริสุทธิ์ของตน |
16. Idha modati pecca modati katapunno ubhayattha modati so modati so pamodati disva kammavisuddhimattano. | 16. Il se réjouit dans cette vie, il se réjouit après cette vie, dans tous les mondes le faiseur de bien se réjouit. Il se réjouit, il se réjouit extrêmement, voyant ses actions pures. | 16. The doer of good rejoices here and hereafter; he rejoices in both the worlds. He rejoices and exults, recollecting his own pure deeds. | 16. Fericit si aici si dincolo - omul drept este fericit. Seninatate vesela, el este cuprins de bucurie contemplandu-si faptele bune. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องพระเทวทัต..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๑๗17. อิธะ ตัปปะติ เปจจะ ตัปปะติ ปาปะการี อุภะยัตถะ ตัปปะติ เม กะตันติ ตัปปะติ ภิยโย ตัปปะติ ทุคคะติง คโต คนทำชั่วย่อมเดือดร้อนในโลกนี้ คนทำชั่วย่อมเดือดร้อนในโลกหน้า คนทำชั่ว ย่อมเดือดร้อนในโลกทั้งสอง เมื่อคิดได้ว่า ตนทำแต่กรรมชั่ว ตายไปเกิดในทุคติ ยี่งเดือดร้อนหนักขึ้น |
17. Idha tappati pecca tappati papakari ubhayattha tappati papam me katanti tappati bhiyyo tappati duggatim1 gato. | 17. Il se lamente dans cette vie, après cette vie il se lamente, dans tous les mondes celui qui fait le mal se lamente. "J'ai fait le mal", ainsi se lamente-t-il, allé vers les états misérables. | 17. The evil-doer suffers here and hereafter; he suffers in both the worlds. The thought, “Evil have I done,” torments him, and he suffers even more when gone to realms of woe. | 17. Suferind aici, suferind dincolo, aici si dincolo; raufacatorul sufera. Buimacit el se vaicareste: "Vai, am comis numai nelegiuiri", iar lamentarile lui sporesc in lumile suferintei. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องนางสุมนาเทวี..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๑๘18. อิธะ นันทะติ เปจจะ นันทะติ กะตะปุญโญ อุภะยัตถะ นันทะติ ปุญยัง เม กะตันติ ภิยโย นันทะติ สุคะติง คะโต คนทำดีย่อมสุขใจในโลกนี้ คนทำดีย่อมสุขใจในโลกหน้า คนทำดีย่อมสุขใจในโลกทั้งสอง เมื่อคิดว่าตนได้ทำแต่บุญกุศล ย่อมสุขใจ ตายไปเกิดในสุคติ ยิ่งสุขใจยิ่งขึ้น |
18. Idha nandati pecca nandati katapunno ubhayattha nandati punnam me katanti nandati bhiyyo nandati suggatim1 gato. | 18. Il est joyeux dans cette vie, il est joyeux après cette vie, celui qui fait le bien, dans tous les mondes il est joyeux. "J'ai fait le bien", encore plus est-il joyeux, allé vers les états heureux. | 18. The doer of good delights here and hereafter; he delights in both the worlds. The thought, “Good have I done,” delights him, and he delights even more when gone to realms of bliss. | 18. Fericit aici, fericit dincolo, si aici si dincolo. omul drept este fericit; bucuros el exclama: "Am faptuit cum se cuvine" iar lumile fericirii i se deschid. |
หมวดคู่ ยมกวรรค Pāli: Yamaka วรรณนาวรรค เรื่องภิกษุ ๒ สหาย..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๑๙19. พะหุมปิ เจ สังหิตัง ภาสะมาโน นะตักกะโร โหติ นะโร ปะมัตโต โคโปวะ คาโว คะณะยัง ปะเรสัง นะ ภาคะวา สามัญญัสสะ โหติ คนที่ท่องจำตำราได้มาก แต่มัวประมาทเสีย ไม่ทำตามคำสอน ย่อมไม่ได้รับผลที่พึงได้จากการบวช เหมือนเด็กเลี้ยงโค นับโคให้คนอื่นเขา |
19. Bahumpi ce samhita bhasamano na takkaro hoti naro pamatto gopova gavo ganayam paresam na bhagava samannassa hoti. | 19. Quoiqu'il récite beaucoup les textes, il n'agit pas en accord avec eux; cet homme inattentif est comme un gardien de troupeaux qui compte le troupeau des autres ; il n'a aucunement part aux béatitudes de l'ascète. | 19. Much though he recites the sacred texts, but acts not accordingly, that heedless man is like a cowherd who only counts the cows of others – he does not partake of the blessings of the holy life. | 19. Chiar daca cineva pronunta cele mai minunate cuvinte, dar, din indolenta, el nu le practica, el nu a realizat ascetismul ; la fel cum boarul care are in pastrare recolta eltora nu o poseda el insusi. |
ธรรมบท ที่ ๒๐20. อัปปัมปิ เจ สังหิตัง ภาสะมาโน ธัมมัสสะ โหติ อะนุธัมมะจารี ราคัญจะ โทสัญจะ ปะหายะ โมหัง สัมมัปปะชาโน สุวิมุตตะจิตโต อะนุปาทิยาโน อิธะ วา หุรัง วา สะ ภาคะวา สามัญญัสสะ โหติ ถึงจะท่องจำตำราได้น้อย แต่ประพฤติชอบธรรม ละราคะ โทสะ และโมหะได้ รู้แจ้งเห็นจริง มีจิตหลุดพ้น ไม่ยึดมั่น ถือมั่น ทั้งปัจจุบันและอนาคต เขาย่อมได้รับผลที่พึงได้จากการบวช |
20. Appampi ce samhita bhasamano dhammassa hoti anudhammacari raganca dosanca pahaya moham sammappajano suvimuttacitto anupadiyano idha va haram va sa bhagava samannassa hoti. | 20. Quoiqu'il récite peu les textes, il agit en accord avec le Dhamma, et se défaisant du plaisir sensuel, de la haine et de l'ignorance, connaissant selon la vérité, avec un coeur totalement libre, ne s'attachant à rien ici et après, il prend part aux béatitudes de l’ascète. | 20. Little though he recites the sacred texts, but puts the Teaching into practice, forsaking lust, hatred, and delusion, with true wisdom and emancipated mind, clinging to nothing of this or any other world – he indeed partakes of the blessings of a holy life. | 20. Chiar daca cineva a pronuntat putine cuvinte minunate, dar s-a daruit trup si suflet invataturii, mort pentru toate poftele, pentru ura si iluzie, perspicace, cu mintea libera, atasat nici aici si nici dincolo, 13 acela a realizat ascetismul. |
คาถาที่ ๒๑. . .ถึง . . .คาถาที่ ๓๒ หมวดไม่ประมาท อัปปมาทวรรค Pāli: Appamāda วรรณนาวรรค เรื่องพระนางสามาวดี..(Source)
| ||||
ธรรมบท ที่ ๒๑21. อัปปะมาโท อะมะตังปะทัง ปะมาโท มัจจุโน ปะทัง อัปปะมัตตา นะ มียันติ เย ปะมัตตา ยถา มะตา ความไม่ประมาท เป็นทางอมตะ ความประมาท เป็นทางแห่งความตาย ผู้ไม่ประมาท ไม่มีวันตาย ผู้ประมาท ถึงมีชีวิตอยู่ก็เหมือนคนตายแล้ว |
21. Appamado1 amatapadam pamado maccuno padam appamatta na miyanti ye pamatta yatha mata. | 21. La vigilance est le sentier vers le sans mort, la négligence est le sentier vers la mort. Le vigilant ne mourra pas, le négligent est comme s'il était déjà mort. | 21. Heedfulness is the path to the Deathless. Heedlessness is the path to death. The heedful die not. The heedless are as if dead already. | 21. Vigilenta conduce la starea fara de moarte, neglijenta - la domeniul mortii Cei care sunt vigilenti nu mor - neglijentii sunt ca si cadavre. |
ธรรมบท ที่ ๒๒22. เอตัง วิเสสะโต ญัตวา อัปปะมาทัมหิ ปัณฑิตา อัปปะมาเท ปโมทันติ อริยานัง โคจะเร รตา บัณฑิตรู้ข้อแตกต่าง ระหว่างความประมาทกับความไม่ประมาท จึงยินดีในความไม่ประมาท อันเป็นแนวทางของพระอริยะ |
22. Evam visesato natva appamadamhi pandita appamade pamodanti ariyanam gocare rata. | 22. Comprenant cela distinctement, le sage est vigilant, il se réjouit dans la vigilance, se délectant dans le champ des Arya. | 22. Clearly understanding this excellence of heedfulness, the wise exult therein and enjoy the resort of the Noble Ones. | 22. Constienti cu desavarsire, pretutindeni si mereu, inteleptii cu mintea vigilenta se bucura, fericiti si siguri ca vor atinge beatitudinea. |
ธรรมบท ที่ ๒๓23. เต ฌายิโน สาตะติกา นิจจัง ทัฬหะปะรักกะมา ผุสันติ ธีรา นิพพานัง โยคักเขมัง อนุตตะรัง ท่านผู้ฉลาดเหล่านั้น หมั่นเจริญกรรมฐาน มีความเพียรมั่นอยู่เป็นนิจศีล บรรลุพระนิพพานอันเป็นสภาวะที่สูงส่ง อิสระจากกิเลสเครื่องผูกมัด |
23. Te jhayino satatika ni ccam dalhaparakkama phusanti dhira nibbanam yogakkhemam anuttaram. | 23. Ceux qui méditent constamment, ceux qui toujours s'efforcent ardemment, réalisent le Nibbāna, libre de liens, l’Incomparable. | 23. The wise ones, ever meditative and steadfastly persevering, alone experience Nibbana, the incomparable freedom from bondage. | 23. Cei a caror minte este absorbita, constant, care lupta fara ragaz, care triumfa cu cumpatare, realizeaza incomparabilul: extinctia, suprema fericire. |
หมวดไม่ประมาท อัปปมาทวรรค Pāli: Appamāda วรรณนาวรรค เรื่องกุมภโฆสก..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๒๔24. อุฏฐานะวะโต สะติมะโต สุจิกัมมัสสะ นิสัมมะการิโน สัญญะตัสสะ จะ ธัมมะชีวิโน อัปปะมัตตัสสะ ยะโสภิวัฑฒะติ ยศย่อมเจริญแก่ผู้ขยัน มีสติ มีการงานสะอาด ทำงานด้วยความรอบคอบระมัดระวัง เป็นอยู่โดยชอบธรรม ไม่ประมาท |
24. Utthanavato satimato sucikammassa nisammakarino sannatassa dhammajivino appamattassa yaso bhivaddhati. | 24. Par degrés s’accroît la gloire de celui qui est énergique, attentif, pur en actions, qui discrimine, contrôle, qui est de vie droite, et vigilant. | 24. Ever grows the glory of him who is energetic, mindful and pure in conduct, discerning and selfcontrolled, righteous and heedful. | 24. Cei a caror energie este treaza, cei care au o constienta clara, circumspecti, fara pata, puri, stapani pe sine, puternici, fideli in practica, vigilenti, aceia isi vor realiza propria lor excelenta. |
หมวดไม่ประมาท อัปปมาทวรรค Pāli: Appamāda วรรณนาวรรค เรื่องพระจูฬปันถกเถร..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๒๕25. อุฏฐาเนนัปปะมาเทนะ สัญญะเมนะ ทะเมนะ จะ ทีปัง กะยิราถะ เมธาวี ยัง โอโฆ นาภิกีระติ ด้วยความขยัน ด้วยความไม่ประมาท ด้วยความสำรวมระวัง และด้วยการข่มใจตนเอง ผู้มีปัญญาควรสร้างเกาะ (ที่พึ่ง) แก่ตนเอง ที่ห้วงน้ำ (กิเลส) ไม่สามารถท่วมได้ |
25. Utthanena' ppamadena samyamena damena ca dipam kayiratha medhavi yam ogho nabhikirati. | 25. Par l'effort, l'ardeur, la discipline et le contrôle, que le sage fasse pour lui même une île qu’aucun flot ne pourra submerger. | 25. By effort and heedfulness, discipline and selfmastery, let the wise one make for himself an island which no flood can overwhelm. | 25. Printr-un curaj cutezator, si minte vigilenta, prin stapanire de sine si renuntare, creeaza-ti, o, inteleptule, o insula pe care nu o vor cufunda talazurile. |
หมวดไม่ประมาท อัปปมาทวรรค Pāli: Appamāda วรรณนาวรรค เรื่องเรื่องพาลนักษัตร..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๒๖26. ปะมาทะมะนุยุญชันติ พาลา ทุมเมธิโน ชะนา อัปปะมาทัญจะ เมธาวี ธะนัง เสฎฐังวะ รักขะติ คนพาล ทรามปัญญา มักมัวประมาทเสีย ส่วนคนฉลาด ย่อมรักษาความไม่ประมาท เหมือนรักษาทรัพย์อันประเสริฐ |
26. Pamadamanuyuñjanti bala dummedhino jana appamadañca medhavi dhanam setthamva rakkhati. | 26. Les ignorants, les sots se plaisent dans la négligence, mais le sage protège la vigilance comme le plus grand trésor | 26. The foolish and ignorant indulge in heedlessness, but the wise one keeps his heedfulness as his best treasure. | 26. Nechibzuitii se abandoneaza fara lupta, neglijentei; Dar inteleptul isi pastreaza vigilenta ca pe darul sau cel mai de pret. |
ธรรมบท ที่ ๒๗27. มา ปะมาทะมะนุยุญเชถะ มา กามะระติสันถะวัง อัปปะมัตโต หิ ฌายันโต ปัปโปติ วิปุลัง สุขัง พวกเธออย่ามัวประมาท อย่ามัวเอาแต่สนุกยินดีในกามคุณอยู่เลย ผู้ไม่ประมาท เพ่งพินิจตามความเป็นจริงเท่านั้น จึงจะบรรลุถึงความสุขอันไพบูลย์ได้ |
27. Ma pamadamanuyuñjetha ma kamaratisanthavam appamatto hi jhayanto pappoti vipulam sukham. | 27. Ne vous plaisez pas à la licence, ne fréquentez pas les plaisirs sensuels. Celui qui est ardent et méditatif obtient un bonheur abondant. | 27. Do not give way to heedlessness. Do not indulge in sensual pleasures. Only the heedful and meditative attain great happiness. | 27. Nu va lasati in seama nepasarii, nu urmati placerea simturilor. Calugarul absorbit in sinea sa este aproape de fericirea suprema. |
หมวดไม่ประมาท อัปปมาทวรรค Pāli: Appamāda วรรณนาวรรค เรื่องพระมหากัสสปเถระ..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๒๘28. ปะมาทะ อัปปะมาเทนะ ยะทา นุทะติ ปัณฑิโต ปัญญาปาสาทะมารุยหะ อะโสโก โสกินึง ปะชัง ปัพพะตัฏโฐวะ ภุมมัฏเฐ ธีโร พาเล อะเวกขะติ เมื่อใดบัณฑิตกำจัดความประมาทด้วยความไม่ประมาท เมื่อนั้นเขานับว่าได้ขึ้นสู่ “ปราสาทคือปัญญา” ไร้ความเศร้าโศก สามารถมองเห็นประชาชน ผู้โง่เขลา ผู้ยังต้องเศร้าโศกอยู่ เหมือนคนยืนบนยอดภูเขา มองลงมาเห็นฝูงชนที่ยืนอยู่บนพื้นดิน ฉะนั้น |
28. Pamadam appamadena yada nudati pandito pannapasadamaruyha asoko sokinim pajam pabbatatthova bhumatthe dhiro bale avekkhati. | 28. Quand l’homme sagace rejette la licence à l'aide du mental sain, ce sage sans chagrin monte au palais de sagesse et promène sa vue sur les ignorants qui souffrent, comme un montagnard promène sa vue sur les gens de la plaine. | 28. Just as one upon the summit of a mountain beholds the groundlings, even so when the wise man casts away heedlessness by heedfulness and ascends the high tower of wisdom, this sorrowless sage beholds the sorrowing and foolish multitude. | 28. Inteleptul care, prin curaj si prin puterea vigilentei sale, s-a eliberat de ingrijorare, priveste, de la inaltimea intelepciunii, fara suferinta, aceasta lume de suferinta; tot asa cum cel care a atins culmea unui munte ii priveste pe locuitorii vailor de jos, la fel si inteleptul contempla cu mintea invincibila nesabuitii si nebuniile lor. |
หมวดไม่ประมาท อัปปมาทวรรค Pāli: Appamāda วรรณนาวรรค เรื่องภิกษุ ๒ สหาย..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๒๙29. อัปปะมัตโต ปะมัตเตสุ สุตเตสุ พหุชาคะโร อะพะลัสสังวะ สีฆัสโส หิตวา ยาติ สุเมธะโส ผู้มีปัญญามักไม่ประมาท เมื่อคนอื่นพากันประมาท และตื่น เมื่อคนอื่นหลับอยู่ เขาจึงละทิ้งคนเหล่านั้นไปไกล เหมือนม้าฝีเท้าเร็ว วิ่งเลยม้าแกลบ ฉะนั้น |
29. Appamatto pamattesu suttesu bahujagaro abalassa mva sighasso hitva yati sumedhaso. | 29. Vigilant parmi les négligents, bien éveillé parmi les dormeurs, le sage avance comme un cheval rapide, laissant derrière lui une faible haridelle. | 29. Heedful among the heedless, wide-awake among the sleepy, the wise man advances like a swift horse leaving behind a weak jade. | 29. Reflexiv printre nechibzuiti, treaz printre adormiti, tot asa cum un armasar de sange nobil depaseste in viteza o biata gloaba, la fel si inteleptul umbla lasand totul in urma. |
หมวดไม่ประมาท อัปปมาทวรรค Pāli: Appamāda วรรณนาวรรค เรื่องท้าวสักกะ..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๓๐30. อัปปะมาเทนะ มะฆะวา เทวานัง เสฎฐะตัง คะโต อัปปะมาทัง ปะสังสันติ ปะมาโท คะระหิโต สะทา ท้าวมฆวานได้เป็นใหญ่กว่าทวยเทพ เพราะผลของความไม่ประมาท บัณฑิตจึงสรรเสริญความไม่ประมาท และติเตียนความประมาททุกเมื่อ |
30. Appamadena maghava devanam setthatam gato appamadam pasamanti pamado garahito sada. | 30. Par l'ardeur, Sakka devint le chef des Deva; l'ardeur est toujours louée! La licence est toujours méprisée. | 30. By Heedfulness did Indra become the overlord of the gods. Heedfulness is ever praised, and heedlessness ever despised. | 30. Prin vigilenta, Manghava, stapanul zeilor, si-a asigurat locul cel dintai. Vigilenta este venerata – neglijenta, dispretuita. |
หมวดไม่ประมาท อัปปมาทวรรค Pāli: Appamāda วรรณนาวรรค เรื่องภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๓๑31. อัปปะมาทะระโต ภิกขุ ปะมาเท ภะยะทัสสิ วา สัญโญชะนัง อณุง ถูลัง ฑะหัง อัคคีวะ คัจฉะติ ภิกษุผู้ยินดีในความไม่ประมาท เห็นภัยในความประมาท ย่อมเผากิเลสเครื่องผูกมัดได้ เหมือนไฟเผาเชื้อทุกชนิด |
31. Appamadarato bhikkhu pamade bhayadassi va samyojanam anum thulam daham aggiva gacchati. | 31. Le Bhikkhu qui fait ces délices de 1'ardeur et regarde avec crainte la négligence, avance comme le feu, brûlant tous les liens, petits et grands. | 31. The monk who delights in heedfulness and looks with fear at heedlessness advances like fire, burning all fetters, small and large. | 31. Calugarul care se bucura de curaj fara margini recunoaste primejdia indiferentei si resimte fiecare din legaturile existentei, subtila sau grosiera, ca o flacara devoratoare. |
หมวดไม่ประมาท อัปปมาทวรรค Pāli: Appamāda วรรณนาวรรค เรื่องพระติสสเถระผู้มีปกติอยู่ในนิคม..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๓๒32. อัปปะมาระโต ภิกขุ ปะมาเท ภะยะทัสสิ วา อะภัพโพ ปะริหานายะ นิพพานัสเสวะ สันติเก ภิกษุผู้ไม่ประมาท เห็นภัยในความประมาท ไม่ม่ทางเสื่อม ย่อมอยู่ใกล้นิพพานเป็นแน่แท้ |
32. Appamadarato bhikkhu pamade bhayadassi va abhabbo parihanaya nibbanasseva santike. | 32. Le Bhikkhu qui fait ses délices de l'ardeur et considère la négligence avec crainte, n'est pas exposé à la chute, il est proche du Nibbāna. | 32. The monk who delights in heedfulness and looks with fear at heedlessness will not fall. He is close to Nibbana. | 32. Calugarul care se bucura de curaj fara margini recunoaste primejdia indiferentei . Scapat din nepermanenta – el este aproape de extinctie. |
คาถาที่ ๓๓. . .ถึง . . .คาถาที่ ๔๓ หมวดจิต จิตตวรรค Pāli: Citta วรรณนาวรรค เรื่องพระเมฆิยเถระ..(Source)
| ||||
ธรรมบท ที่ ๓๓33. ผันทะนัง จะปะลัง จิตตัง ทุรักขัง ทุนนิวาระยัง อุชุ กะโรติ เมธาวี อุชุกาโรวะ เตชะนัง จิตดิ้นรน กลับกลอก ป้องกันยาก ห้ามยาก คนมีปัญญาสามารถดัดให้ตรงได้ เหมือนช่างศรดัดลูกศร |
33. Phandanam capalam cittam durakkham dunnivarayam ujum karoti medhavi usukarova tejanam. | 33. Ce cœur vacillant, inconstant, difficile à garder, difficile à contrôler, le sage le rectifie comme le faiseur de flèches rend droite une flèche. | 33. Just as a fletcher straightens an arrow shaft, even so the discerning man straightens his mind – so fickle and unsteady, so difficult to guard. | 33. Inteleptul isi redreseaza mintea agitata si dispersata, dificil de imblanzit, dificil de condus, precum arcasul isi potriveste sageata. |
ธรรมบท ที่ ๓๔34. วาริโชวะ ถะเล ขิตโต โอกะโมกะตะ อุพภะโต ปะริผันทะติทัง จิตตัง มาระเธยยัง ปหาตเว มัสยาถูกเขาจับโยนไปบนบก ย่อมดิ้นรน เพื่อจะกลับไปยังแหล่งน้ำที่เคยอาศัย จิตใจเราก็เช่นเดียวกัน ดิ้นรนไปหากามคุณ เพราะฉะนั้น จึงควรละเว้นกามคุณเสีย |
34. Varijova thale khitto okamokata ubbhato pariphandatidam cittam maradheyyam pahatave. | 34. Comme un poisson qui est tiré de son élément liquide et jeté sur la terre, ainsi ce cœur s’agite. Donc le pouvoir de Mara devrait être évité. | 34. As a fish when pulled out of water and cast on land throbs and quivers, even so is this mind agitated. Hence should one abandon the realm of Mara. | 34. Tot asa cum pestele momit afara din apa se zbate, la fel si mintea freamata de teama si angoasa mortii. |
หมวดจิต จิตตวรรค Pāli: Citta วรรณนาวรรค เรื่องภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๓๕35. ทุนนิคคะหัสสะ ละหุโน ยัตถะกามะนิปาติโน จิตตัสสะทะมะโถ สาธุ จิตตัง ทันตัง สุขาวะหัง จิตควบคุมยาก เปลี่ยนแปลงเร็ว ใฝ่ในอารมณ์ตามที่ใคร่ ฝึกจิตเช่นนั้นได้เป็นการดี เพราะจิตที่ฝึกดีแล้ว นำความสุขมาให้ |
35. Dunniggahassa lahuno yatthakamanipatino cittassa damatho sadhu cittam dantam sukhavaham. | 35. Le cœur est difficile à contenir, rapide, il voltige où il le désire. Son contrôle est bon, un cœur contrôlé contribue au bonheur. | 35. Wonderful, indeed, it is to subdue the mind, so difficult to subdue, ever swift, and seizing whatever it desires. A tamed mind brings happiness. | 35. Mintea usuratica, anevoie de stapanit, instabila, cauta intotdeauna placerea. Este bine sa imblanzesti mintea impetuasa; imblanzita, ea asigura fericirea. |
หมวดจิต จิตตวรรค Pāli: Citta วรรณนาวรรค เรื่องอุกกัณฐิตภิกษุ..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๓๖36. สุทุททะสัง สุนิปุณัง ยัตถะกามะนิปาตินัง จิตตัง รักเขถะ เมธาวี จิตตัง คุตตัง สุขาวหัง จิตเห็นได้ยาก ละเอียดยิ่งนัก มักใฝ่ในอารมณ์ตามที่ใคร่ ผู้มีปัญญาจึงควรควบคุมจิตไว้ให้ดี เพราะจิตที่ควบคุมได้แล้ว นำสุขมาให้ |
36. Sududdasam sunipunam yatthakamanipatinam cittam rakketha medhavi cittam guttam sukhavaham. | 36. Le cœur est difficile à percevoir, extrêmement subtil, il voltige où il le désire. Que le sage le garde, le cœur gardé conduit au bonheur. | 36. Let the discerning man guard the mind, so difficult to detect and extremely subtle, seizing whatever it desires. A guarded mind brings happiness. | 36. Mintea atat de dificil de sesizat. atat de adanc ascunsa, sclava voluntara a tuturor dorintelor, trebuie stapanita, o inteleptule, caci, bine temperata, asigura fericirea. |
หมวดจิต จิตตวรรค Pāli: Citta วรรณนาวรรค เรื่องพระภาคิไนยสังฆรักขิตเถระ..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๓๗37. ทูรังคะมัง เอกะจะรัง อะสะรีรัง คุหาสะยัง เย จิตตัง สัญญะเมสสันติ โมกขันติ มาระพันธะนัง จิตท่องเที่ยวไปไกล เที่ยวไปดวงเดียว ไม่มีรูปร่าง อาศัยอยู่ในร่างกายนี้ ใครควบคุมจิตนี้ได้ ย่อมพ้นจากบ่วงมาร |
37. Durangamam ekacaram asariram guhasayam ye cittam samyamissanti mokkhanti marabandhana. | 37. Partant au loin, errant solitaire, sans corps, gisant dans une grotte, voici le cœur. Ceux qui le soumettent sont libres des liens de Māra. | 37. Dwelling in the cave (of the heart), the mind, without form, wanders far and alone. Those who subdue this mind are liberated from the bonds of Mara. | 37. Mintea bate campii, divagheaza, ea este necorporala, ascunsa inauntru. Cel care poate sa o stapaneasca se elibereaza de taramul mortii. |
หมวดจิต จิตตวรรค Pāli: Citta วรรณนาวรรค เรื่องพระจิตตหัตถเถระ..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๓๘38. อะนะวัฎฐิตะจิตตัสสะ สัทธัมมัง อะวิชานะโต ปะริปละวะปะสาทัสสะ ปัญญา นะ ปะริปูระติ ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์ แก่ผู้มีจิตไม่มั่นคง ไม่รู้พระสัทธรรม มีความเลื่อมใสไม่จริงจัง |
38. Anavatthitacittassa saddhammam avijanato pariplavapasadassa panna na paripurati. | 38. Celui dont le cœur n'est pas ferme, celui qui ne connaît pas le Dhamma excellent, celui dont la confiance vacille sa sagesse ne sera jamais parfaite. | 38. Wisdom never becomes perfect in one whose mind is not steadfast, who knows not the Good Teaching and whose faith wavers. | 38. Mintea instabila si dispersata, ignorand adevarata doctrina, care indrageste sa fie flatata, nu va fi niciodata apta pentru intelepciune. |
ธรรมบท ที่ ๓๙39. อนุวัสสุตะจิตตัสสะ อะนันวาหะตะเจตะโส ปุญญะปาปะปะหีนัสสะ นัตถิ ชาคะระโต ภะยัง ผู้มีสติตื่นตัวอยู่เนืองนิตย์ มีจิตเป็นอิสระจากราคะและโทสะ ละบุญและบาปได้ ย่อมไม่กลัวอะไร |
39. Anavassutacittassa ananvahatacetaso punnapapapahinassa natthi jagarato bhayam. | 39. Celui dont le cœur n’est pas humecté (par le désir), celui qui n'est pas affecté (par la haine), celui qui a écarté et le bien et le mal, pour ce vigilant il n’y a pas de peur. | 39. There is no fear for an awakened one, whose mind is not sodden (by lust) nor afflicted (by 29 hate), and who has gone beyond both merit and demerit. | Dhammapada |
หมวดจิต จิตตวรรค Pāli: Citta วรรณนาวรรค เรื่องภิกษุ ๕๐๐ รูปผู้ขวนขวายในปฐวีกถา..(Source) | ||||
ธรรมบท ที่ ๔๐40. กุมภูปะมัง กายะมิมัง วิทิตวา นะคะรูปมัง จิตตะมิทัง ถะเกตวา โยเชถะ มารังปัญญาวุเธนะ ชิตัญจะ รักเข อะนิเวสะโน สิยา เมื่อรู้ว่าร่างกายนี้แตกดับง่ายเหมือนหม้อน้ำ พึงป้องกันจิตให้มั่นเหมือนป้องกันเมืองหลวง แล้วพึงรบกับพญามารด้วยอาวุธคือปัญญา เมื่อรบชนะแล้วพึงรักษาชัยชนะนั้นไว้ ระวังอย่าตกอยู่ในอำนาจมารอีก |
40. Kumbhupamam kayamimam viditva nagarupam cittamidam thapetva yodhetha maram panna vudhena jitanca rakkhe anivesano siya | 40. Connaissant que ce corps est (fragile) comme une jarre, établissant ce cœur (ferme) comme une cité (fortifiée), il doit attaquer Māra avec l'arme de la sagesse, garder sa maîtrise et être sans attachement. | Dhammapada | Dhammapada |
ตำรานี้คือฉบับร่างหรือโครงร่างที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา คุณสามารถช่วยเหลือในการพัฒนางานเขียนหรือสอบถามเพื่อขอความช่วยเหลือในสภากาแฟได้ |
หลักเกณฑ์ และความต้องการเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]ควรแก่การศึกษาให้แพร่หลาย ไม่ใช่เพื่อจำหน่าย สำหรับเป็นธรรมทาน หรือสำหรับแจกฟรีเท่านั้น.
ศึกษาข้อมูลจากต้นฉบับ ที่มาจาก :
Dhammapada français pdf | Dhammapada english pdf |
Dhammapada thai pdf | Dhammapada romana pdf | Dhammapada Verse. . . |
- บทที่ศึกษาและพิเคราะห์ในภาคภาษาไทย ว่า มีเนื้อเรื่อง 302 เรื่อง จากทั้งหมด 423 บทพระคาถา.